Vmodtech.com

(http://upload.tarad.com/images/810667Hongkong.jpg)

ได้มีโอกาสเดินทางไปฮ่องกงอีกครั้ง หลังจากได้มีโอกาสได้มาครั้งแรกเมื่อ 31 MAR 1984
และครั้งที่ 2 เมื่อ 27 MAR 1986 มิได้จำได้เป๊ะขนาดนั้น เพียงแต่ว่าบังเอิญไปเจอ Passport เล่มเก่าเข้า
หลังจากรื้อบ้านเพื่อจัดระเบียบใหม่ เลยเอามาดูจากตรายางที่ Immigration ของฮ่องกงที่ปั้มเอาไว้เท่านั้นเองครับ

ครั้งนี้เข้า ฮ่องกงวันที่ 19 MAR 2009 ห่างจากครั้งสุดท้ายที่มาที่นี่ตั้ง 23 ปีแนะ อะไรกันนี่
เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ แถมไปเดือน มี.ค. ทั้ง 3 ครั้งเลย บังเอิญจริงๆ ทั้งๆที่ครั้งนี้ตั้งใจจะไป
ตั้งแต่ ต.ค.ปีที่แล้ว แต่โอกาสไม่อำนวยให้สงสัยจะถูกโฉลก กับฮ่องกงเดือน มี.ค. ซะแล้ว

สมาชิกที่ร่วมเดินทาง 4 คน ประกอบไปด้วย ตัวผมเอง ... อิอิ แล้วก็ ผบทบ
รวมทั้งน้องชายคนโต และเจ้าน้องชายคนเล็ก

เป้าหมายการเดินทาง จะไว้พระให้ครบ 8 วัด เป็นหลัก ช้อปปิ้ง เป็นเรื่องรองลงมา
1HK$ วันที่แลกเงินไปเท่ากับ 4.64บาท
อุณหภูมิที่ฮ่องกงขณะนั้น ~ 21-27c

เลยขอเก็บบันทึกการเดินทางในครั้งนี้ ไว้ ณ ที่นี้ครับ

วันแรกของการเดินทาง
พฤหัสที่ 19 มี.ค. 2552
(http://upload.tarad.com/images/241579Day1.jpg)

วันนี้ออกเดินทางไปฮ่องกง กับสายการบินเอมิเรต เที่ยวบิน EK384 เดินทาง 13.20น.
อาหารมื้อแรกของทริบนี้ ระหว่างการเดินทางบนเครื่อง 777-300 ก็มีให้เลือกระหว่างสเต็กปลา
กับข้าวหน้าแกะ ผมเลือกกินแกะดีกว่าอร่อยมั๊ยหรอก็พอได้นะ แต่ไปแอบกินปลาของคนนั่งข้างๆ
ผลปรากฎว่าแกะดีกว่าครับ

หลังจากอิ่มหนำสำราญกัน ก็ถูกเจ้าน้องชายคนโต และเจ้าน้องชายคนเล็ก ท้าทายด้วยเกมส์โบวลิ่ง
จากหน้าจอมอนิเตอร์ของแต่ละคน ผลออกมาดังคาด คลื่นลูกหลังย่อมแรงกว่าเสมอ ผมกดทอย 10 หน
ไม่มีทั้งสไตค์ทั้งสแปร์เลย จบที่ 68 คะแนน จาก 300 คะแนน
ส่วนเจ้า 2 คนนั่น เอาที่ 1 และ 2ไป ทิ้งให้ผมได้เหรียญทองแดง ... เย้
ก็ OK เกมส์มันพึ่งจะเริ่ม ฝากไว้ก่อนเถอะเอมิเรต ... อิอิ

มาถึง Chek Lap Kok Airport ฮ่องกง เวลาที่ฮ่องกง 17.10น. ตรงตามกำหนดดีจริงๆ
ผมดูนาฬิกาอยู่ที่ 16.10 ก็ต้องปรับขึ้นไป อีก 1 ชม. เวลาฮ่องกงเร็วกว่าไทย 1 ชม. พอดี
เมื่อก่อนมาฮ่องกง จะลงที่ Kai Tak Airport ปิดทำการไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 6 กรกฎาคม 1998 เวลา 01:28
เมื่อมาถึง ก็เริ่มเข้าเขตอันตราย IMMIGRATION ที่ฮ่องกง ผมเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อนหน้านี้ทั้ง 2 ครัง
ผิดคาดจริงๆ จนท. ดูจะเป็นมิตรมากขึ้น ไม่หน้าบึ้งตึง มีรอยยิ้มเล็กๆด้วยซ๊ำไป แถมมีคำพูดที่น่าประทับใจว่า
แฮพ อะ ไนซ์ สเตย์ ซะด้วย

หลังจากผ่าน ต.ม. ทั้ง 4 คนแบบสะดวกรวดเร็ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ หาซื๊อบัตรปลาหมึก Octopus Card
เพื่อใช้ในการเดินทางเที่ยวฮ่องกงทั้ง 4 วันที่อยู่ที่นี่ หาเค้าเตอร์ที่ขายไม่เจอ ทั้งๆที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ
สุดท้ายก็จ่ายไป 600HK ได้มา 4 บัตร ใบละ 150HK เป็นค่ามัดจำบัตร 50HK ใช้เงินในบัตรได้ 100HK
บัตรนี้คุ้มค่าในการใช้มากใช้นั่งรถไฟใต้ดิน บนดิน รถเมล์ รถมินิบัส จ่ายเงินในร้านค้าบางร้านก็ได้ เช่น 7-11 เป็นต้น เป็น Debit เงินหมดเราก็ต้องเติมก่อนใช้
จากนี้เราก็เดินทางสู่ที่พัก ทริปนี้ทั้ง 3 คืน พักกันที่โรงแรม Panorama ย่าน จิมซาจุ่ย เป็นโรงแรมเปิดใหม่
เปิดดำเนินการเมื่อกลางปีที่แล้วนี้เอง สภาพห้องเลยค่อนข้างใหม่มาก ได้ห้องพักที่ชั้น 27 ก็พอจะมองออกไป
ยังอ่าววิคทอเรียได้ระดับหนึ่ง

ถึงโรงแรมเช็คอินเสร็จเกือบ 2 ทุ่ม
คงไปดู SOL (Symphony Of Lights การแสดงแสงเลเซอร์และเสียงบนยอดตึกริมอ่าววิคทอเรีย)
ไม่ทันแน่ๆ เพราะการแสดงเริ่ม 2 ทุ่ม ใช้เวลาแสดงประมาณ 20 นาที ผิดแผนตั้งแต่วันแรกเลย ... อิอิ

ว่าแล้วเราก็ไปเที่ยว Lady's Market ที่ หม่งก๊ก ดีกว่า นั่ง รถไฟฟ้าใต้ดิน MTRสายสีแดง
ได้มีโอกาสได้ลองแปะบัตรปลาหมึกครั้งแรกแล้ว ผ่านไปได้ด้วยดี นั่งจากจิมซาจุ่ย ไปอีก 3 สถานี
ก็ถึง หม่งก๊ก แล้ว

ออกไปเดินดูแถวถนน Nelson วันนี้วันพฤหัส คนยังไม่ค่อยมาก แต่ร้านค้าก็เต็มไปหมด
มีทั้งขายรองเท้ากีฬา อิเลคทรอนิกส์ ตั้งใจจะไปหาตึก Mongkok Computer Centre
แต่หาไม่เจอ ก็คงฝากไว้ก่อนอีก 2 วันจะมาใหม่ครับ
ส่วน Lady's Market ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ร้านค้าเหมือนตลาดนัด

มื้อแรกที่ฮ่องกงก็เป็น ท้องหมิ่น หรือบะหมี่น้ำ สั่งกันไม่รู้เรื่องเลย ภาษาอังกฤษเรากับคนขายก็คงพอๆกัน
คือไม่ได้เรื่องทั้งคู่ก็เลยใช้วิธี ชี้เอา ได้บะหมี่เนื้อ บะหมี่ลูกชิ้นปลา กับ ผักกาดแก้วราดซอสหอยนางรม
มากินกัน ลืมถ่ายรูปกันเลย เพราะหิวจัด
หมดไป 105HK แพงจังเลย ก็หมดวันนี้แล้ว  ระหว่างเดินเล่นมีร้านขายไอศรีม Mister Softee
เราเลยลองชิมกันหน่อยไอศรีมโคน ราคา 7HK อร่อยดีเหมือนกัน

ที่นี่เวลาเค้าจะซ่อมบ้าน เค้าจะใช้ไม้ไผ่ผูกกัน ไม่ว่าจะสูงแค่ไหนก็จะใช้ไผ่ต่อเป็นนั่งร้านกัน
เหมือนที่เรามักจะเห็นจากหนังของฮ่องกงกันบ่อยๆ จะเจอเป็นระยะตลอดทั้งเมืองเลย

กลับโรงแรม จิมซาจุ่ย ดีกว่า ตอนแรกกะจะเดินกัน แต่ระยะทางประมาณ 4 กม.กว่า
เลยตัดสินใจนั่ง MTR แบบขามาดีกว่า เก็บแรงเอาไว้วันพรุ่งนี้ดีกว่าครับ
มาถึงโรงแรมอีกครั้ง เลยเก็บรูปสภาพภายในห้องพักของโรงแรม Panorama มาให้ดูกันครับ

คืนนี้ต้องเตรียมชาร์ทไฟให้เต็มก่อนครับ เตรียมปลั๊กมาพร้อมแล้ว พรุ่งนี้จะได้ไม่มีปัญหา

โจ๋วเถา ... ราตรีสวัสดิ์ครับ

วันที่ 2 ของการเดินทาง
ศุกร์ที่ 20 มี.ค. 2552

(http://upload.tarad.com/images/992078Day2.jpg)
http://upload.tarad.com/images/992078Day2.jpg (http://upload.tarad.com/images/992078Day2.jpg)

วันนี้ตื่น 7 โมงเช้า ออกจากโรงแรม 8 โมง อากาศยามเช้าที่นี่ หมอกลงพอสมควร
เช้านี้เราไปเติมพลังกันที่ ร้าน Yoshinoya แถวๆที่พัก
ก็เป็นร้านอาหารไปยืนสั่งแล้วจ่ายเงิน แล้วรออาหาร เสริฟตัวเอง ราคาแต่ละจานก็ 20HKขึ้นไป
ไม่ได้เก็บรูปมาอีกเช่นเคย ได้แต่ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ ก่อนมาตั้งใจจะกินที่ร้านนี้ทุกวัน หลังจากได้ลองชิมไปแล้ว
เลยตัดสินใจว่ามื้อเดียวพอ ไม่ใช่ไม่อร่อยนะครับ แต่ไม่ถูกปากนักชิมอย่างพวกเราเท่านั้นเอง

วันนี้ตั้งใจจะไปไหว้พระให้ได้ 4 วัด เริ่มแรกจะต้องไปที่วัด Tin Hua ที่ย่าน Tai Po ที่มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ที่โยนผลส้มอธิษฐานกัน แต่ปัจจุบัน ไม่ให้โยนผลส้มกันแล้ว เราเลยเปลี่ยนใจ ไปวัด หวังต้าเซียน
กันเป็นวัดแรกดีกว่า

นั่ง MTR สายสีแดง จาก จิมซาจุ่ย ไปลง ม่งก๊ก แล้วเปลี่ยนมานั่ง MTR สายสีเขียว ไปลง สถานี Wong Tai Sin
ออกมาก็เจอวัดเลย คนเยอะมากทีเดียวเพราะกรุ๊ปทัวร์จีนลง เราก็เลยรีบๆไหว้พระกัน เก็บรูปแล้วก็ไปต่อกันเลย
ไม่ได้ซื๊อธูปเลย เพราะเราเตรียมมาจากเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว ... อิอิ

จากนั้นเราก็นั่ง MTR สายสีเขียว ไปอีกหนึ่งสถานี ไปลงที่ Diamond Hill เพื่อไปสำนักนางชี
หรือวัดนางชี Chi Lin Nunnery

ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเพราะความรีบเร่งของผม เพราะพอลงจากบันไดเลื่อนที่สถานี Wong Tai Sin
ผมก็รีบจ๊ำเข้า MTR ทันที ผลปรากฎว่าประตูรถไฟฟ้าปิดแล้วแต่อีก 3 ตามมาไม่ทัน .. อิอิ
หลงกันแล้วซิเรา แต่เรามีการ์ดโทรศัพท์มือถือที่ได้แจกมา เลยได้ลองกันที่จุดนี้เลย โทรบอกตำแหน่งกัน
ก็เลยหลงกันแค่แป๊ปเดียวก็กลับมารวมกลุ่มกันแล้ว
รถไฟฟ้าที่นี่ รวดเร็ว และรอไม่นานจริงๆ รู้สึกว่าจะวิ่งกันทุก 3 นาทีต่อคันกันทีเดียว 

ออกจากสถานี ก็ต้องเดินไปอีกหน่อย เริ่มจะอยู่ชานเมือง อากาศแถวนี้ดีจังเลย
มาถึงวัดนางชี Chi Lin Nunnery ที่นี่คนไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่วัดสวยและสงบดีจริงๆ
ไหว้พระที่นี่ไม่ใช้ธูป ไหว้มือเปล่าขอพรกันได้เลย
แถมมีสวนสวยให้เราเข้าไปชมฟรี และเก็บรูปกัน ที่นี่ให้เราถ่ายรูปได้แต่ไม่ให้เราใช้ขาตั้งกล้อง
ก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกันครับ

มีห้าง Plaza Hollywood ให้ได้ช๊อปกันที่สถานี Diamond Hill แต่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากนัก
เลยแวะเข้าห้องน้ำกันที่นี่ซะเลย

เราต้องไปต่อกันแล้ว วัดต่อไปก็วัดกังหัน Che Kung Temple
ก็ต้องนั่ง MTR สายสีเขียว กลับมาที่สถานี Kowloon Tong เพื่อต่อ KCR สายสีฟ้า
ไปลง Tai Wai แล้วต่อ MTR สายสีส้ม ไปลงที่ Che Kung Temple
(รถไฟฟ้าที่เริ่มออกชนบทของฮ่องกงนี่จะเริ่มลอยฟ้าและบนดินกันแล้ว)

แล้วเดินข้ามถนนไปที่วัดกังหัน พอเหงื่อซึมๆ
วัดนี้ไม่ใหญ่นัก มีกังหันแขวนอยู่รอบๆเต็มไปหมด เรื่องกังหันนี่ที่ฮ่องกงเค้านับถือกัน
เพราะเค้าจะเอากังหันพัดสิ่งที่ไม่ดีออกไปและพัดเอาสิ่งที่ดีๆเข้ามาให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเรา
เป็นเครื่องลางอย่างหนึ่ง บางคนก็หาซื๊อแบบห้อยคอ เป็นกังหันทองเค ซะโดยมากครับ

วัดนี้เลยเป็นวัดสุดท้ายสำหรับวันนี้ที่เราจะไหว้พระขอพรกัน
บ้านพักอาศัยในเขตนี้ค่อนข้างมีระเบียบนะครับ แถมมีข้อห้ามมากมาย ห้ามสูบบุหรี่ด้วย
คนฮ่องกงนี่สูบบุหรี่จัดมากทีเดียว ไปไหนมาไหน เจอแต่กลิ่นบุหรี่หึ่งไปหมด

จากนั้นเราก็ไปเที่ยวห้างกันดีกว่าครับ ที่ตั้งใจจะไปกันก็คือ Festival Walk
นั่งย้อนกลับมาที่สถานี Kowloon Tong  ก็เจอห้างนี้เลย
ห้างใหญ่พอสมควร ของแบรนด์ เต็มห้างเลย แต่ราคาส่วนใหญ่ก็ยังแพงและไม่ค่อยลดราคา
เพราะยังไม่ถึงเทศกาลลดทั้งเกาะเดือน ก.ค.-ส.ค.

เริ่มหิวกันแล้ว ก็เลยแวะเข้าไปกิน KFC เพราะง่ายดี ชี้นิ้วสั่ง
และอยากจะกิน ต่าน ทาร์ท หรือ ทาร์ตไข่ สไตล์มาเก๊า ที่นี่มีขายให้ชิมกัน ราคา 5.50HK ก็อร่อยดี
แต่ผมว่าอร่อยสู้ที่ขายที่สยามแสควร์บ้านเราไม่ได้ แต่ไก่ที่ KFC นี่ไม่ค่อยมีกระดูกเลยชิ้นใหญ่และเนื้อล้วนๆ
ดีกว่าบ้านเรามาก ชุด 4 คน ราคา 99HK ก็ตก 460บาท ก็ถือว่าไม่แพงมากเมื่อเทียบกับราคาที่ขายในบ้านเรา

ชั้นนี้จะมี Food Fest คล้าย Food Center ของบ้านเรา แต่ไม่ได้เข้าไปลองชิมอาหารดู
เพราะอิ่มจากไก่ KFC แล้ว ชั้นล่างก็จะมี TASTE Supermarket ซึ่งร้านนี้จะกระจายตัวอยู่ตามห้างใหญ่ๆ
ทั่วฮ่องกง สามารถใช้บัตรปลาหมึกซื๊อสินค้าได้เช่นกัน

ต้องรีบเดินทางต่อไป Sham Shui Po กัน ก็ต้องนั่งจาก Kowloon Tong มาลงที่ Prince Edward
เพื่อเปลี่ยนรถไฟ MTR สีแดง ไปลงที่ Sham Shui Po จุดแรกที่จะไปในย่านนี้คือ  Dragon Centre
ก็เป็นห้างขายของหลายๆอย่างทั้งเสื้อผ้า ของใช้ในครัวเรือน และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งราคาแพงจัง
และไม่ค่อยมีอะไรมาก ได้แค่ซื๊อกางเกงยีนส์ราคา 90HK ของ Giordano เท่านั้นเองครับ

แล้วก็ออกเดินต่อ ไปจุดหมายต่อไปที่ Golden Computer Arcade ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆกัน
ห้างนี้คล้ายพันทิพ+สะพานเหล็ก ขายอุปกรณ์คอม และ เกมส์ เป็นหลัก

ราคาคอมส่วนใหญ่ก็ใกล้เคียงกับบ้านเรา ส่วนเครื่องเล่นเกมส์ ราคาถูกกว่าบ้านเราพอสมควร
เช่น Nintendo Wii ราคาประมาณ 6,500 บาท
ขณะที่สะพานเหล็กบ้านเราขายที่ประมาณ 8,500 บาท
แต่ไม่กล้าซื๊อครับเพราะว่ากลัวลูกเล่นคนขาย เลยได้แค่เดินดูของเล่นๆ

ออกจากห้างมาก็มาเดินที่ตลาดข้างๆทางลงสถานี Sham Shui Po ก็ขายของคล้ายๆตลาด Lady's Market
ตอนนี้บ่ายมากแล้ว น้องชายคนเล็ก เริ่มไม่ไหว เพราะรองเท้า Nike คู่โปรด เริ่มส่งผล กัดซะพองทีเดียว
ส่วนผมเอา Onitsuka Tiger Mini ไปเพราะดูแล้วคิดว่านุ่มนิ่มที่สุด น่าจะเดินไกลได้สบายที่สุด
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเดินสบายมากไม่มีปัญหาใดๆ

พวกเราเลยตัดสินใจกลับ โรงแรม Panorama ที่ Tsim Sha Tsui ทันที
เริ่มผิดแผนกันอีกแล้ว เพราะว่าจริงๆแล้วจะต้องไปย่าน Mong Kok แล้วไล่ไป ย่าน Yau Ma Tei  และ Jordan
ก่อนกลับไปโรงแรมที่ Tsim Sha Tsui

เลยตัดสินใจแวะอาบน้ำล้างหน้ากันที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยไปเดินที่ Habour Ciity
ผมเลยดอดขึ้นไปชั้น 40 ไปดูวิวข้างบน อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะหมอกลงมาก
ฟ้าเน่าสุดๆจริงๆ

เย็นนี้เลยออกมาแค่ 3 ทิ้งเจ้าน้องชายคนเล็กไว้ที่โรงแรม เพราะรองเท้ากัดจนนิ้วพองซะแล้ว
พวกเราก็เดินเล่นแถวถนนนาธาน ใกล้ที่โรงแรมที่เราพักกัน

แล้วแวะมาหาข้าวกินกันที่ย่าน West Tsim Sha Tsui กัน ก็แค่ข้ามถนน Nathan มาที่ถนน Hankow Road
ชื่อร้านมีแต่ภาษาจีนแต่เมนูมีทั้งรูปและภาษาไทย เลยง่ายในการสั่งหน่อย ก็ได้ ข้าวหน้าเนื้อ ข้าวผัด
แล้วก็เก๊ยวกุ้ง กัน ข้าวผัดอร่อยมากทีเดียว เกี๊ยวกุ้งก็อร่อย ข้าวหน้าเนื้อก็พอได้ไม่ถึงกับอร่อยมาก
แต่ก็หมดทุกจานอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้เสียพลังงานไปมากทีเดียว เหนื่อยและหิวกันมาก
เลยตัดสินใจซื๊อ เกี๊ยวกุ้งราคา 20HK + ค่ากล่อง 1HK กลับโรงแรมให้เจ้าน้องชายคนเล็กในมื้อเย็นนี้ซะเลย

ตอนนี้เหลือแค่ 2 แล้ว เพราะเจ้าน้องชายคนโต ก็ไม่อยากเดินต่ออีกแล้ว
เรา 2 คนเลยไปเดินสวีทเล่นแถว Habour Ciity กัน

ภายใน Habour Ciity ก็มีร้านค้าแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย
แล้วก็ร้านขายกล้อง ขายโทรศัพท์มือถือ แต่ราคาโหดใช้ได้เลยแถวนี้

iPhone 3G 8GB 5,400HK
ส่วน 16GB 6,200HK ทีเดียว
ลองคูณเรทเงินแล้ว
ราคาพอๆกับบ้านเราเลย ... อิอิ

ออกไปสูดอากาศด้านนอกห้าง แถวท่าเรือ
คนฮ่องกงเค้ามาจู๋จี๋จุ๊บๆกันแถวนี้
ผมเลยว่าจะทำตัวให้กลมกลืนกับบรรยากาศหน่อย
แต่ ผบทบ. บอกว่าเราคนไทย ไม่เหมาะจ๊ะ

คราวหน้าไม่เอา ผบทบ.ไปอีกแล้วครับ ... อิอิ

ค่ำแล้ว คืนนี้ 2 ทุ่มจะไปดู Symphony Of Lights กัน ใกล้ถึงเวลาแล้ว เรา 2 คน
เลยต้องรีบไปที่อ่าววิคทอเรีย กัน
การแสดงจะเริ่มแล้ว ตั้งใจว่าจะไปดูแถว Clock Tower แต่ไปยังไม่ถึง ไปได้แค่ Hong Kong Cultural Centre

การแสดงก็เริ่มขึ้น เราเลยปักหลักกันตรงนั้นแทน แต่หาที่วางขาตั้งกล้องไม่ได้เลยเพราะคนมากทีเดียว
แต่โชคดีที่แถวนั้นมีร้านที่รับถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยว ด้านหลังริมอ่าวมีช่องว่างอยู่นิดเลยแทรก
เข้าไปวางขาตั้งกล้องจนได้
จุดนี้ถือว่าดีมากเหมือนกัน เพราะถือว่าอยู่ตรงกลางๆเก็บรูปตึกที่ยิงเลเซอร์ที่ฝั่งฮ่องกงได้ครบถ้วน 

การแสดงเริ่มประมาณ 20:00น จบลงเมื่อเวลา 20:25น ก็ถือว่าสวยงามและตื่นตาตื่นใจทั้งแสงทั้งเสียง

เก็บภาพกันจนหนำใจแล้ว เราก็เดินเลียบอ่าวต่อไปยัง Avenue Of Star
ไปดูรอยมือของบรรดาซุปเปอร์สตาร์ที่ฝากไว้บ้าง ไม่ฝากไว้บ้าง ที่พอจะรู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง
เรา 2 คน ต้องเดินต่อกันอีกแล้ว อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนไม่หนาว
เราก็เลยเดินกุมมือกันบ้างให้กลมกลืนกับคนฮ่องกง
เลยได้เรื่อง มีชาวฮ่องกงเดินมาถามอะไรก็ไม่รู้ เลยต้อง แอมซอรี่ ไอโด๊น อย่างเดียวเลย ... อิอิ
สงสัยว่าพวกเราคงหน้าตาเหมือนชาวฮ่องกง ดีใจจัง ... อิอิอิ

เราเดินวกกับมาที่ Habour City เดินผิดเดินถูกหลงทาง เดินวนกลับมาทางเดิมถึง 2 ครั้ง
กว่าจะหลุดออกไปได้ก็เกือบ สี่ทุ่ม ทีเดียว

หมดไปอีกวันแล้ว วันนี้เหนื่อยมากเลยครับ หลับทันทีที่หัวถึงหมอน ...  :sleep:   

วันที่ 3 ของการเดินทาง
เสาร์ที่ 21 มี.ค. 2552

(http://upload.tarad.com/images/443162Day3.jpg)
http://upload.tarad.com/images/443162Day3.jpg (http://upload.tarad.com/images/443162Day3.jpg)


วันนี้มี City Tour ไปไหว้พระใหญ่ Tian Tan Buddha Statue ที่ Lantau Island
มีรถบัสมารับที่โรงแรม เช้านี้พาไปกินติ๋มซำกันที่ไหนจำไม่ได้แล้ว ใกล้โรงแรมแถวถนน Chatham Road South
อาหารไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ หลังจากนั้นก็พาไป Avenue Of Star ที่เมื่อคืนพึ่งมากัน

เช้าวันนี้หมอกลงจัดมากทีเดียว มองฝั่งฮ่องกงแทบไม่เห็นทีเดียว
ก็ถ่ายรูปกันเป็นที่สนุกสนานเพราะอากาศเย็นสบาย

ซักพักรถก็มารับก็เริ่มเดินทางไปขึ้นกระเช้านองปิง 360
ระหว่างทางก็แวะโรงงานจิวเวอร์รี่ ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจอีกเช่นเคย

ใกล้เที่ยงแล้วก็เดินทางไปขึ้นกระเช้านองปิง 360 กันซะทีเสียเวลาไปมากทีเดียว
มาถึงที่ขึ้นกระเช้าก็บ่ายโมงกว่าแล้วสำหรับวันนี้

กระเช้านองปิง 360 นี่เสียวน่าดูดีเหมือนกัน ข้ามทั้งเขา ข้ามทั้งทะเล
ระหว่างทางก็เห็นสนามบิน เช็ค ลัป ก็อก ซะด้วย แต่หมอกจัดมากเลยมองไปได้ไม่ค่อยไกล
แถมบนเขายังเห็นมีผู้ที่เดินทางด้วยเท้าขึ้นเขามาด้วย
ไม่รู้ว่าจุดหมายจะไปไหว้พระใหญ่ด้วยหรือป่าว ดูน่าสนุกดี ถ้ามีเวลามากๆ
ก็น่าจะมาลุยกันแบบนี้ซักครั้งนึงครับ

ใช้เวลานั่งกระเช้า 25 นาที ก็มาถึงพระใหญ่ปรากฎว่า
ผบทบ. อาการไม่ค่อยดี บอกเวียนหัวมาก
แล้วก็เริ่มหิวกันก็เลยแวะข้างทางกินบะหมี่กัน
ที่ร้าน Zen Taiwanese Bistro สั่งแค่ 2 ชาม เป็นหมี่เหลืองไก่ กับ หมี่เหลืองลูกชิ้นปลาหมึก
ผลคือไม่ค่อยอร่อยเลย

พวกเราเดินต่อเพื่อขึ้นเขาไปไหว้พระใหญ่
แต่ ผบทบ. อาการยังไม่ดีขึ้น เราเลยไหว้พระกันที่ตีนเขาแค่ตรงนั้น  ไม่ได้ขึ้นไปถึงองค์พระใหญ่กัน
อากาศเย็นสบาย มีลมพัดมาตลอดเวลา นั่งพักกันแล้วอยากจะเอนกายนอนกันทีเดียวครับ

กลับลงมาข้างล่างกันดีกว่า ทุกคนออกความเห็นกัน นั่งกระเช้าขากลับ ลมค่อนข้างแรง
แต่กระเช้านิ่งมากทีเดียว ที่รู้ว่าลมแรงเพราะว่าข้างๆกระเช้าจะมีช่องลม ให้อากาศถ่ายเทภายในกระเช้า
โชคดีที่กระเช้าไม่หยุดค้างเป็นพักๆ เพราะมีคนในทริปเล่าให้ฟังว่าเคยเจอ หยุดซะ 5 นาที
กลางทะเลซะด้วย คิดแล้วก็คงเสียวสุดยอดดีเหมือนกัน

กลับมาถึงสถานีด้านล่าง ก็รีบเดินทางข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อไปที่ City Gate Outlet
ระหว่างทางลงก็มีป้ายต้อนรับหลากหลายภาษา ซึ่งภาษาไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากครับ

ก่อนเข้าห้างมีลานหน้าห้างก็มีการแสดงน้ำพุ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้คนเท่าใดนัก
จะมีเด็กๆ มาเล่นน้ำบ้างประปราย

ที่ City Gate Outlet มีเสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์ที่มาลดราคากัน คนค่อนข้างเยอะ
เพราะที่นี่ในวันหยุดคนฮ่องกงก็จะมาช็อปกันที่นี่ เพราะเสื้อผ้าราคาถูก
แถมมาสะดวกเพราะนั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี Tung Chung ออกจากสถานีก็เข้าห้างได้เลย

ผมไม่ค่อยได้ช็อป เรื่องเสื้อผ้าเป็นหน้าที่ของ ผบทบ. ก็เลยเดินเก็บรูปไปเรื่อยเปื่อย

ร้านค้ามากทีเดียวแทบจะรวมมาอยู่ที่นี่ที่เดียวเลย

5โมงเย็นแล้ว  รถบัสมารับเรากลับโรงแรม มาถึงโรงแรมเราก็จะไปต่อที่ Mong Kok กันในตอนกลางคืน
เรากลับไปที่ถนน Hankow Road อีกครั้ง
วันนี้เราจะไปกินเนื้อเปื่อยฮ่องกงที่ร้าน เฉี่ยวฟะ ร้านโปรดของ มรว.ถนัดศรี
สั่งบะหมี่เนื้อเปื่อย บะหมี่ลูกชิ้นปลาหมึกบะหมี่หมู กับผักกาดแก้วราดน้ำมันหอย
มื้อนี้อร่อยถูกปากอีกแล้ว

อิ่มแล้วเรานั่งรถไฟ MTR สีแดง ไป Mong Kok อีกครั้ง
คืนนี้จะไปหาซื๊อบอร์ดของ Biostar ที่ร้าน Jumbo Computer
ที่ตั้งอยู่ที่ Mongkok Computer Centre ถนน Nelson Street
คืนแรกที่ไปหาไม่เจอ วันนี้เลยต้องพยายามกันหน่อย
แล้วก็เจอตึกนี้ซึ่งป้ายไม่ยอมเปิดไฟ เลยมองไม่เห็นเมื่อวันแรก
ซึ่งคืนแรกเราเดินผ่านไปผ่านมาแต่ดันมองไม่เห็นซะงั้น ข้างในก็จะขายอุปกรณ์คอม
ร้านคล้ายที่พันทิพบ้านเรา แต่เล็กกว่ามาก ค่อนข้างอึดอัด
หลังจากซื๊อของได้แล้วเราก็ออกมาด้านนอกเดินเล่นย่านนี้อีกซักพัก แล้วก็กลับโรงแรม

วันนี้ไม่ค่อยเหนื่อยครับเพราะไม่ค่อยได้เดินมากมาย ก็หมดไปอีกวัน

วันที่ 4 วันสุดท้ายของการเดินทาง
อาทิตย์ที่ 22 มี.ค. 2552

(http://upload.tarad.com/images/303505Day4.jpg)
http://upload.tarad.com/images/303505Day4.jpg (http://upload.tarad.com/images/303505Day4.jpg)

วันนี้เราตั้งใจจะไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมกัน เช้าวันนี้ออกสายมากเกือบ 10โมงเช้า
บรรยากาศที่ถนนนาธาน สายๆวันอาทิตย์ ไม่ค่อยคึกคัก ถนนค่อนข้างโล่ง
วันนี้เราก็กลับไปกินข้าวร้านที่เรากินกันตอนเย็นของวันที่ 2ที่ Hankow Road
แต่วันนี้ข้าวผัดไม่อร่อยเหมือนเดิมแล้ว สงสัยว่าเชฟคนละคนกับวันนั้น
วันนี้น้องชายทั้ง 2 บอกขอลองเนื้อเปื่อยจานละ 120HK กัน ก็เลยลองดูกัน
อร่อยแต่ให้มาน้อยไปหน่อย แป๊ปเดียว เรียบ!

วันนี้เราต้องนั่ง MTR สีแดง ข้ามฝั่งไปฝั่ง ฮ่องกง ลงที่สถานี Central สถานีใต้ดินนี้ใหญ่มากจริงๆ
กว่าจะหาทางออกมาเพื่อขึ้นรถเมล์ไปหาด Repulse Bay Beach
ก็เดินกันเมื่อยทีเดียว

ออกมาได้เราก็มาที่ใต้ตึก Exchange Square
เพื่อมานั่งรถเมล์ต้นสาย วันนี้เรานั่งสาย 6x
ไปที่ Repulse Bay Beach
จุดนี้มีหลายสายที่ไปได้เช่นกันทั้ง 6, 6A, 260

ก็ใช้บัตรปลาหมึกนั่นแหละแปะแล้ว
ขึ้นชั้น 2 ไปนั่งแถวหน้าสุด
ที่มานั่งตรงนี้เพราะกลัวจะลงไม่ถูกที่
แบบว่ากลัวจะเลย เพราะไม่เคยมาเหมือนกัน ... อิอิ

นั่งมาลงที่ ตึก Repulse Bay
ตึกที่มีรูโหว่อยู่ตรงกลาง มีคนบอกว่าเขาทำให้มังกรลอด เพื่อสร้างฮวงจุ๊ย ที่ดีนั่นเอง
ขาลงก็แปะบัตรปลาหมึกอีกครั้ง
ได้เงินคืนมารู้สึกว่าประมาณ 3HK เพราะเรานั่งไปไม่ถึง Stanley Market

เดินเลียบชายหาดมาพักใหญ่ก็ถึงวัดเจ้าแม่กวนอิม Kwun Yam Temple
อุณหภูมิวันนี้ก็ 27c ที่ชายหาด ก็ค่อนข้างร้อนไปนิดนึง
วัดนี้นับเป็นวัดที่ 5 ในทริบนี้ เป็นวัดสุดท้ายที่มาสักการะกัน
ไม่เป็นไปตามแผน 8 วัดที่ตั้งใจไว้ ไม่เป็นไรเดี๋ยวช่วง ก.ค.-ส.ค.ปีนี้
จะหาเวลามาอีกครั้งกับวัดอีก 3 วัดที่เหลือ ถ้าเป็นไปได้นะครับ

เราก็เข้าไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม 2ที่ จากนั้นก็ไปลูบที่รูปปั้นเทพเจ้าหน้าเจ้าแม่แล้วกำเอามาใส่กระเป๋า
 มีคนบอกว่าทำให้ร่ำรวย โดยไม่ต้องไปโกงใคร ...อิอิ

จากนั้นก็ขึ้นสะพานต่ออายุอีก 3 ปี ขึ้นไปแล้วห้ามเดินย้อนกลับมาเด็ดขาด
จะมีบันไดเล็กๆข้างสะพานให้เราเดินกลับขึ้นไป แต่เห็นฝรั่งเดินย้อนไปมากัน

จากนั้นก็ไปโยนเหรียญ ใช้เหรียญบาทที่เราเตรียมกันไปปาเข้าปากปลา
พวกเราทั้ง 4 ทำสำเร็จ แต่นานเหลือเกินกว่าจะโยนเข้า โยนเข้าไปมันเด้งออกมาตลอด
ว่ากันว่าถ้าโยนเหรียญเข้าปากปลาแล้วขอพรอะไรจะสัมฤิทธิ์ผล
ผมดันลืมขอพรไป  เลยมาขอพรกันตรงบันทึกนี้เลยแล้วกันครับ
เทพเจ้าปลาครับ ผมขอ .... รวยๆๆ
ขอให้ผมสัมฤิทธิ์ผลด้วยเทิญ

เสร็จจากที่นี่เราจะเดินทางด้วยรถเมล์สายเดิม 6x มาลงที่ Central
แต่เราก็ลงกันก่อนเพราะเห็นตึก HSBC เลยลงเข้าเดินเข้าไปที่หน้าตึกมีรูปปั้นสิงโต2ตัว
เฝ้าตึกอยู่ เป็นรูปปั้นที่อยู่ใน ธนบัตรของฮ่องกง
ว่ากันว่าลูบที่เท้าสิงโตทั้ง 2 ตัว จะนำโชคดีและความมั่งคั่งมาให้
พวกเราเลยลูบเท้าสิงโตกันยกใหญ่ ... รวย ๆ ๆ ... อิอิ

ใต้ตึก HSBC มีชาวฟิลิปินส์ มารวมตัวกัน
เคยมีการประท้วงของแม่บ้านชาวฟิลิปินส์ที่ไม่ยอมทำงานวันอาทิตย์
วันนี้วันอาทิตย์เลยเต็มไปหมด
ทั้งเล่นไพ่กัน คุยกัน ร้องรำทำเพลงเป็นที่สนุกสนาน

ที่ย่านเซ็นทรัลจะมีจุดที่น่าไปอีกที่คือ Central Mid-Level's Escalator
เป็นทางเลื่อนขึ้นที่ยาวที่สุดในฮ่องกง ซึ่งไปแล้วไม่มีอะไรเลย

ระหว่างทางก็มีร้านอาหารไทยอยู่ แต่ไม่ได้เข้าไปกินกันเพราะยังอิ่มอยู่
กลางทางก็ไปหา ต่านทาร์ต หรือทาร์ตไข่ ร้านดังฝั่งนี้ กินกัน แต่ ต่านทาร์ต
ที่นี่จะไม่เหมือนของมาเก๊า เหมือนกับที่ขายในบ้านเราที่สยามสแควร์
ตัวแป้งออกร่วนและไข่ก็ไม่หวานมาก อันนี้คงแล้วแต่ชอบ
แต่ผมชอบแบบมาเก๊า มากกว่า
มีรูปอดีตผู้ว่าฮ่องกง ชาวอังกฤษ แปะติดไว้หน้าร้าน ว่าเป็นร้านโปรดของท่านอดีตผู้ว่า

ฝั่งฮ่องกงย่าน Central ในวันนี้นี่ค่อนข้างเงียบเหงา ผู้คนไม่ค่อยมาก
ร้านค้าตามซอกซอยก็มีร้านเพิงหมาแหงนอยู่ทั่วไป ก็มุงเป็นสังกะสีแบบบ้านเราเหมือนกัน
ในตารางการเดินทางที่เราทำกันมาต้องไปอีกหลายย่านฝั่งฮ่องกงนี้
เช่น Admiralty, Wan Chai และ Causeway Bay แต่เวลาไม่อำนวยแล้ว
อีกซักพักเราก็ต้องนั่ง MTR กลับฝั้ง เกาลูน อีกครั้ง

เรากลับมาถึงฝั่งเกาลูน วันนี้พวกเราตั้งใจจะไปที่ร้านอากี เพื่อไปซื๊อ iPhone 3G
เลยนั่งกลับมาที่จิมซาจุ่ยอีกครั้ง ออกประตู D2 ก็เจอร้านเลย
อากี ไม่อยู่อยู่แต่ อาจง ซึ่งพูดไทยได้คล่องทีเดียว เห็นว่าเคยมาอยู่เมืองไทย
ลูกก็เรียนเมืองไทย แถมได้ทุนของพระเจ้าอยู่หัว ไปเรียนที่ สวิส ซะด้วย

ถามราคาเสร็จ iPhone 3G 8GB ราคา 4,370HK คิดเป็น 20,300บาท โดยประมาณ
เมนูไทย และ Unlock เรียบร้อยแล้ว
พอตกลงเอากลับไม่มีของซะงั้น 2วันก่อนยังมีอยู่เลย
ส่วนตัว 16GB มีฝรั่งกำลังเจรจากันอยู่เหลือ 3 เครื่อง พี่แกเหมาหมดอีก อดเลย
มาเที่ยวนี้เหลือเงินกลับบ้านเยอะดีจัง มาแลกกลับเป็นเงินไทย
ขาดทุนไป 7ร้อยกว่าๆ เอง ... ฮือๆๆ

บ่ายนี้เดินเล่นแถวๆนี้เพราะว่าใกล้โรงแรม ตอนเย็นวันนี้ก็ต้องเดินทางไปสนามบินเพื่อกลับเมืองไทยแล้ว
เห็นตึกคิดว่าน่าจะเป็นที่ขายตั๋วม้าแข่งออนไลน์กัน คนเยอะมาก เดินเข้าออกตลอดเวลาเลย
ว่าจะเข้าไปข้างในมีพนักงานเห็นเราถ่ายรูปหน้าร้าน เขามามองๆ เราเลยเผ่นกันดีกว่า ... อิอิ

กลับไปโรงแรมเพื่อเตรียมตัวกลับเมืองไทยกันแล้ว เครื่องบิน Boeing 777-300 เที่ยวบิน EK385
จะออกจากฮ่องกงเวลาท้องถิ่น 21:40 น.
พวกเราไปออกตั๋วเครื่องบินแล้วก็เดินช็อปเล่นกันอีกนิด
ร้านค้าที่นี่ก็พยายามแลกเปลี่ยนภาษาไทยกับพวกเรา ถามเราว่าคำว่า Seafood ภาษาไทย
เรียกว่าอย่างไร เราบอกว่าอาหารทะเล หัวเราะกันคิกๆ เราก็งง
สงสัยว่าอาจจะมีคำบางคำทะลึ่งๆ แต่ไม่รู้ว่าคำไหน

สาวๆนักขายที่ฮ่องกงนี้อารมณ์ดีกันเกือบทุกที่ที่เข้าไปซื๊อของ อาการหน้าบึ้งวอแว ไม่เจอเลยทั้งทริบ
ไม่อยากจะเทียบกับสาวนักขายบ้านเราเลย

ได้เวลาแล้วอย่าช็อปเพลินเพราะอาจตกเครื่องบินได้
เพราะเราต้องนั่งรถไฟฟ้าต่อไปที่ Gate ที่เราจะออกไปขึ้นเครื่องอีกที
ผบทบ.เกิดหิวขึ้นมาเลยไปกินบะหมี่แห้งกันที่ร้านชื่อ Taiwan Noodle อะไรเนี่ยแหละ ในสนามบิน
ก็รู้ๆกันอยู่ว่าราคาแพงกว่าร้านทั่วไปแน่ แต่ว่าบะหมี่ผัดแห้งอร่อยมากทีเดียว
กินกันได้ 2 คน เพราะเยอะมาก ราคา 80กว่า HK แพงใช้ได้เลย

21:40 เครื่องกำลังจะออกแล้ว วันนี้มีอาหาร 2 อย่างคือ ข้าวหน้าเนื้อ กับ สเต็คไก่ แป๊ปเดียวเท่านั้น
สเต็คไก่ก็ไม่มีให้เลือกแล้ว หมดลงอย่างรวดเร็ว มีเด็กที่จะกินสเต็คไก่ กลับไม่ได้กิน
ทางเอมิเรต ก็ไม่มีอะไรมาแทนให้ มีเหลือแต่ข้าวหน้าเนื้อ
เด็กที่นั่งข้างๆผมเลยไม่ได้กินเลย แย่จัง น่าจะเอาอาหารจากชั้น Business หรือ First Class มาแทน
ก็ไม่มี สายการบินอันดับหนึ่งของโลก 4 ปีซ๊อน ทำไมทำงี้

ขากลับมานี้ ต้องกลับมาแก้ตัวกับเกมส์ โบวลิ่งอีกครั้ง
ครั้งนี้เจ้าน้องชายคนเล็ก เจอทริก แล้ว กดไป Maximum Score 300 คะแนน
ผมก็เลยต้องยอมแพ้ไปอีกครั้งเหมือนเดิม

เครื่องมาถึงเมืองไทย 23:10น. ตรงเวลาเช่นเคย
คืนนี้คงต้องค้างที่ กทม. อีกคืน

หมดแล้วครับ เหนื่อยมากทีเดียว กลับมาแล้วก็ยังเหนื่อย
กว่าจะพื้นตัวได้ก็หลายวันทีเดียว

ความประทับใจที่ได้จาการไปเที่ยวฮ่องกงครั้งนี้ ก็คือระบบขนส่งมวลชน ที่ถือว่าดียอดเยี่ยมมาก
ทั้งความสะดวกความรวดเร็ว แถมมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง
บ้านเราถ้าทำได้แบบฮ่องกง ผมว่ารถบนท้องถนน จะลดน้อยลงเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะแท็กซี่ อาจไม่ค่อยมีความจำเป็นมากเหมือนปัจจุบัน ที่พอเข้าไป กรุงเทพฯ ทีไร
ระหว่างอยู่บนท้องถนนจะเห็นรถแท๊กซี่อยู่รอบๆเต็มไปหมด

อากาศที่ฮ่องกง ในเมืองก็สดชื่นมากทีเดียว

แต่ข้อเสียเลยของที่นี่คือ คนฮ่องกงสูบบุหรี่ในที่สาธารณะมาก
ทำให้ตามชุมชนต่างๆ จะมีกลิ่นบุหรี่เหม็นมาก เช่นที่ Mong Kok จุดศูนย์รวมของ
บรรดาวัยรุ่น ฮ่องกง นี่ พ่นควันกันอย่างกับ โรงงานอุตสาหกรรม เลยทีเดียว

จอยกิน ... ลาก่อน ฮ่องกง

ครบ 42 แล้วครับลุงสบายๆ รอชม อิอิ

 :lol:

รอชมอยู่นะคับลุงสบาย ผมเองก็กะว่าปีหน้าจะไปซ้ำอีกรอบเหมือนกันคับ รอบที่แล้วไม่สะใจ ยังไงขอดูการบ้านของลุงก่อน เผื่อว่าจะลอกนะคับ อิอิ

ก็รอชมกันตามระเบียบ :mdr:

อ่านจบไป 2 หน้าแล้วครับ  รออ่านต่อ อิอิ ลุงสบายๆ สุดยอด

รบกวนพี่สบาย-สบายเปนไกด์พาเที่ยวหน่อยสิครับ  :happy: ดูแล้วเหมือนได้ไปเองเลย ขอบคุณครับ

อ่านจบแล้ว สุดยอดมากครับลุงสบายๆ  บรรยาย+รูปเหมือนผมได้ไปเที่ยวด้วยเลยครับผม

 :lol: :lol: :lol:

โห...ดูจนปวดตาเลย :mdr:

เยี่ยมเลยครับน้า รูปสวยเหมือนไปเที่ยวเองเลยครับ :jap:

 :great: :great: :great:

งัยก็รักลุงสบายๆเหมือนเดิมแหละ อิอิ :lol:

อ่านแล้วขนตูดลุกยังไงไม่ทราบครับ บอกไม่ถูก อิอิ :out:

นั่งอ่านไปดูรูปไปได้บรรยากาศจริงๆครับ  :great:
แต่ดูแล้ว กิเลสท่วม  :intello:
ขอบคุณครับที่นำมาให้ชม  :mdr:

กะว่ามีโอกาสจะไปบ้าง...
ดูรูปฯ+คำบรรยายของลุงฯ แล้วเหมือนได้ไปเองเลย... (คงไม่ต้องไปแล้ว)  อิอิ  ^_^

ฟ้องครับ น้าโตแอบลอก คำตอบ อิอิ

ผบ.ทบ ชวนไปกะพี่ที่ทำงานเดือน กค. นี้อ่าครับ แต่ไม่รู้จะได้ไปหรือเปล่า แต่ทริปที่น้าไปท่านทางสนุกเอาการเลยแฮะ ชักอยากไปตะหงิด ๆ ซะแล้วจิ :jap:

เห็นด้วยครับไปรอบเดียว มันยังไม่สะใจจริงๆ ... อิอิ




ติดตามชมตอนต่อไปครับ ... อิอิ




ฮ่องกงนี่ไปเที่ยวเองได้สบายเลยครับ




ยินดีด้วยครับน้า ไปเที่ยวแบบไม่ต้องเสียตังค์ ... อิอิ

รายละเอียดมากไปหน่อย ต้องขออภัยครับ




ขอบคุณครับน้า




ขอบคุณครับ น้าหนุ่ม




จุ๊บๆๆ ... อิอิ ขนลุกชันเลย

ไปเที่ยวกัน ลดกิเลสได้ครับ ... อิอิ




มีลอกการบ้านกันด้วย เง้อ ... อิอิ




ถ้าได้ไปช่วงปลาย ก.ค. ถึงต้น ส.ค. นี่ ที่นั่นเป็นช่วง โลว์ซีซั่น
แต่ว่าเป็นช่วงเทศกาลลดราคาสินค้าทั้งเกาะฮ่องกงเลย
เหมาะแก่การช๊อปปิ้งมากเลยครับ เที่ยวนี้แทบไม่ได้ซื๊ออะไรเลย
ถ้ามีโอกาสช่วงนั้นว่าง ผมก็อยากไปอีกครั้งเหมือนกันครับ

ผมว่าอากาศฮ่องกงน่าเที่ยวสุดก็ตอนสงกรานต์ไทยนี่แหละครับ เย็นกำลังดีเลย ฝนก็ไม่ตก

แต่ถ้าเอาช่วยซื้อของถูกสุดต้องไปช่วงพายุเข้าเดือน7-8นั่นแหละครับของถูกสุด ใช่ป่าวครับน้า อิอิ

ขอบคุณสำหรับการนำเที่ยวครับ

ผมยังไม่เคยไปเลย

อยากไปหาอะไรกินอย่างเดียว shopping ผมไม่ค่อยสนเท่าไหร่   ตระเวณ  กิน กิน กิน..............หิววววววว

ใช่แล้วครับ อิอิ




ใช่แล้วครับ มาฮ่องกงนี่ต้องตระเวนกิน กิน กิน

ผมยังอยากไปกินอาหารทะเลที่ Lei Yue Mun เหมือนกัน อาหารทะเลสดๆ

ราคาตกหัวละ 2พันกว่าบาทไทย เที่ยวครั้งหน้าจะลองดูครับ ... อิอิ

กินอาหารทะเล อย่าลืมพกน้ำจิ้มซีฟู๊ดไทยไปด้วยนะครับ ที่โน่นดันไปจิ้มกับซอสอะไรไม่รู้สีน้ำตาลๆหวานๆเค็มๆ ไม่แซ่บเลยครับ อิอิ

ภาพแรกสวยดีครับ อยากได้มาทำวอลเปเปอร์ขนาด 1280*1024 อะครับ ถ้ามีเวลารบกวนหน่อยนะครับ 8)

ไปด้วย  อิอิ ลุงสบายๆ ไปเหมื่อไหร่อย่าลืมชวนนะครับ อิอิ

น่าจะมีอยู่แล้วครับเพราะกล้องของคุณปู่สบาย-สบายเขา ระดับ12.1ล้านพิคเซลอยู่แล้วครับ อิอิ

สุดยอดเลยครับพี่ อย่างกับได้ไปเที่ยวด้วยตัวเอง บรรยายซ๊ะอยากไปเลย ตัวผมได้มีโอกาสแค่สิงคโปร์ แถมไปกับเจ้านาย ซ้ำๆซากๆ กว่าจะอ้อนไปดูสิงโตได้นี่แทบแย่ จะไปเองก็ดันไม่รู้ทาง กรรม

ขอบคุณอีกครั้งครับ

อ้าว วันนั้นบอกผมว่า กว่าจะอ้อนไปเที่ยวซ่องได้นี่แทบแย่ จะไปเองก็ดันไม่รู้ทาง ตกลงมันยังไงกันแน่ครับเนี่ย :zzz:

อิอิ กรรมครับ เอามาเผาซ๊ะแล้ว

เอาเรื่องจริงมาล้อเล่นนี่ไม่ผิดใช่มั๊ยครับลุง :go:

 :rofl: :lol:

ง่า เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับลุง

ว่าแต่ เด็กๆเชื้อสายจีน พูดอังกฤษไฟแลบเนี่ย มีแรงดึงดูดจริงๆนะครับลุง ยืนมองบนรถไฟฟ้าซ๊ะเพลินเลย อิอิ กรรม

รอดูคลิปถ่ายใต้กระโปรงที่ลุงสะสมเอาไว้อยุ่ครับ อิอิ lol

แสดงว่ายังไม่ถึงจริงๆ หนิลุงๆ อิอิ น่าจะหิ่วมาเพื่อๆกับบ้างนะลุงๆ เจี๊ยๆๆ 5555+  :lol: :lol: :lol: :lol:

ผม Crop แล้ว Upload ให้แล้วครับ 1280x1024 ขนาด 684kb
http://uploads.boxsiam.com/images/dtwwv4e8swdwly4v1e4.jpg (http://uploads.boxsiam.com/images/dtwwv4e8swdwly4v1e4.jpg)

(http://uploads.boxsiam.com/images/dtwwv4e8swdwly4v1e4.jpg)


ขอบคุณครับที่ชอบ

ไปแน่นะ ตะเอง ... อิอิ

มีของดีแยะจัง น้าเชน เนี่ย ... อิอิ

ปล.สิงคโปร์ผมเคยไปมาครั้งนึงครับ นานแล้วเหมือนกัน ดันป่วยเป็น ชิกเก้น พ๊อก ที่นั่น
เลยไม่ค่อยได้เที่ยวเลย ไว้ต้องไปแก้ตัวอีกครั้งครับน้า

ผมก็รอให้ลุงโป้งลุงน่อมอัพให้ละครับ ตัวเองไม่มีหรอก

เคยจะมีโอกาสจะได้ไปทัวร์ยุโรปเพื่อเยี่ยมลูกค้าทีนึง แต่ก็ต้องอดเพราะปัญหาบางประการ ถ้าคราวหน้า สงสัย อินโดนิเซีย หรืออินเดียแน่เลยครับ กรรมจริงๆ

อิจฉา  ลุงๆไปเที่ยวกันเยอะจัง ผมมีแต่ เดินเซนทรัล พระราม 2 เองอะคัรบ ฮือ

แจ่มเลยขอบคุณนะครับ :great:

แวะมาดูพวกคนแก่ๆรำลึกความหลังกันครับ อิจฉาความแก่จัง อิอิกำ

 :whistle:

อิอิ ส่วนผมคิดถึงลุงเหมือนเดิมครับ อิอิ

น่าอิจฉาจริงๆ
อยากไปมากกกก