หัวข้อ: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 14 ตุลาคม 2009, 11:18:44
หลังจากที่เมื่อวานผมขับลุยน้ำมาแล้วเส้นศรีนครินทร์ ใครไปแถวนั้นคงจำได้ได้มีวันลืมเลือน วันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2552 น้ำท่วมเส้นศรีนครินทร์ และแน่นอนครับน้ำเข้าในห้องโดยสารรถผมเป็นที่เรียบร้อย ระดับน้ำลึกขนาดเกือบถึงกันชนรถเมล์...รถติดมหากาฬ คนบนรถเมล์ลงเดินกันกลางถนนเพราะทนยืนไม่ไหว เอาล่ะครับ โม้มานาน มาดูวิธีขับรถลุยน้ำกันครับ
ข้อ 1 คือ ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ในขณะขับรถลุยน้ำลึก หรือแม้จะน้ำตื้นก็ตาม
เพราะ สาเหตุที่รถดับ ส่วนใหญ่เกิดจากการเปิดแอร์แล้วขับลุยน้ำ ที่ผมบอกอย่างนี้ ก็เพราะว่า เมื่อเราเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน และอย่าลืมสิ ว่าเรากำลังลุยน้ำลึก อย่างที่ผมเจอวันนี้ ก็คิดว่าน่าจะเกินระดับพัดลม เพราะฉะนั้น ถ้าเราขืนเปิดพัดลมละก็ สิ่งที่จะตามมา ก็คือ ใบพัดจะพัดให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง แล้ว คุณลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น นั่นก็คือ เครื่องจะดับเอาง่าย ๆ หรือ ถ้าโชคดี หรือโชคร้าย ถ้าเครื่องไม่ดับ ใบพัดก็จะหมุน ๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่า ขณะที่เราลุยน้ำ อะไรมันจะลอยมาบ้าง มันมีสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ขยะ กิ่งไม้ ไม้หน้าสาม ถุงพลาสติก รองเท้า ... สิ่งของพวกนี้ มันมีโอกาสที่จะเข้ามาในห้องเครื่อง แล้วโดนใบพัดตัดจนใบพัดหัก ซึ่งถ้าใบพัดหัก แน่นอนว่า เราขับรถต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะระบบระบายความร้อนจะมีปัญหา
ข้อ 2 ควรใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา ก็ใช้ประมาณเกียร์ 2 หรือสำหรับออโต้ ก็ใช้เกียร์ L ก็ได้ครับ รวมถึงการขับขี่ที่มีความเร็วต่ำที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ อย่าหยุดอย่าเร่งความเร็วขึ้น
ข้อ 3 คือ ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง ๆ เพราะเห็นผู้ขับขี่หลาย ๆ คนมักจะเร่งเครื่องแรง ๆ เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะกลัวเครื่องดับ
เพราะกลัวน้ำเข้าท่อไอเสีย ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นความคิดที่ผิดมาก ๆ แท้ ที่จริงแล้ว การเร่งเครื่อง ยิ่งทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น เมื่อเครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน และสิ่งที่จะตามมาก็เหมือนกับข้อ 1
ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าท่อไอเสียครับ เพราะต่อให้น้ำจะท่วมท่อไอเสีย แล้วคุณสตาร์ทรถอยู่ที่รอบเดินเบา แรงดันที่ออกมาเพียงพอที่จะดันน้ำออกมาอย่างสบาย ๆ ต่อให้คุณจอดรถทิ้งไว้จนน้ำท่วมท่อไอเสียก็ตาม เมื่อคุณเข้าไปในรถ แล้วสตาร์ทรถ ผมกล้าพูดได้เลยทีเดียวติดแน่นอน (กรณีนี้ ที่ผมกล้าพูดว่ารถสามารถสตาร์ทติด คือ น้ำท่วม แค่ท่วมท่อไอเสียนะ ไม่ใช่ท่วมฝากระโปรงนะครับ) แต่สำหรับรถคาบู ผมเองก็ไม่แน่ใจ ว่าถ้าถึงขั้นน้ำท่วมท่อไอเสีย แล้วมันจะสตาร์ทติดหรือไม่ แต่สำหรับเครื่องหัวฉีดสบายใจได้ครับ
4. ควรลดความเร็วลง เมื่อ กำลังจะขับรถสวนกับอีกคันที่กำลังขับมา
เพราะ ไม่งั้นจะกลายเป็นคลื่นชนคลื่น อย่างที่ผมบอก ซึ่งน้ำที่ปะทะระหว่างรถของเราและรถที่วิ่งสวนมา มันก็อาจทำให้น้ำกระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้ หลังจากเราลุยน้ำลึกมา สิ่งที่ควรทำต่อ ก็คือ ข้อแรก พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะในช่วงแรก ๆ หลังจากการลุยน้ำลึกมา มันจะเบรกไม่อยู่ และเป็นอันตรายมาก ถ้าเราไม่ทำการย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก สำหรับเกียร์ธรรมดา ต้องมีการย้ำคลัชเช่นเดียวกับการย้ำเบรก เพราะหลังการลุยน้ำมา อาจมีปัญหาคลัชลื่น จึงต้องทำทั้งย้ำคลัชและย้ำเบรก
อีกข้อนึงคือ ไม่ควรดับเครื่องทันที ถึงแม้ถึงจุดหมายก็ตาม เพราะ อาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย ซึ่งควรสตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก ซึ่งจะสังเกตได้ว่า มีไอออกจากท่อไอเสีย ก็ไม่ต้องตกใจ ก็ให้สตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้น้ำในหม้อพักมันระเหยออกไป เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ จะทำให้เกิดน้ำค้างอยู่ในหม้อพัก สิ่งที่จะตามมาคือ มันจะผุ
และหลังจากวันที่เราลุยน้ำมาแล้ว เราควรจะทำอย่างไร ไปดูกันต่อค่ะ !!!
1. ล้างรถ รวมถึง การฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถด้วย รวมทั้งบริเวณซุ้มล้อ เพื่อล้างพวกเศษทรายต่าง ๆ ที่มันเกาะติดอยู่ หรือบริเวณใต้ท้องรถ ซึ่งอาจมีพวกเศษขยะ เศษหญ้า ติดอยู่ ต้องเอาออกให้หมด เพราะถ้าเศษหญ้าแห้งมันติดอยู่ใต้รถ อันตรายที่จะเกิดขึ้น มันใหญ่หลวงนัก หนัก ๆ หน่อย ไฟอาจไหม้ได้ ในคู่มือยังบอกเลยครับว่า รถที่ติดตั้งตัวกรองไอเสีย หรือ (CAT) ไม่ควรจอดรถไว้บริเวณที่มีต้นหญ้าขึ้นสูง เพราะอุณหภูมิของเจ้า Catalytic Converter นั้น มันค่อนข้างสูงมาก ๆ
2. สำรวจน้ำมันเกียร์ ว่า มันมีสีผิดปกติหรือไม่ คือ ถ้ามีลักษณะคล้ายสี ชาเย็น นั่นแสดงว่า ต้องมีน้ำเข้าไปอยู่ในระบบเกียร์อย่างแน่นอน หรือถ้าเป็นไปได้ ก็เปลี่ยนน้ำมันเกียร์มันซะเลย เพื่อความสบายใจ เพราะก้านวัดน้ำมันเกียร์นั้นอยู่ค่อนข้างต่ำ และยิ่งรถผ่านการลุยน้ำลึก ๆ มา มันก็จะท่วมตัวเจ้าก้านวัด ซึ่งเป็นไปได้ที่น้ำจะซึมเข้าไปในระบบเกียร์ และมันก็จะทำให้ระบบเกียร์พัง
3. เช็คลูกปืนล้อ ซึ่ง พูดง่าย ๆ ว่า เจอน้ำทีไร ลูกปืนล้อมันก็จะดัง เวลาวิ่งความเร็วสูง ๆ อันนี้ทำใจไว้ได้เลย ว่าอาจต้องเปลี่ยน แต่ โดยปกติแล้ว เจ้าลูกปืนล้อมันจะพังเร็ว ก็เพราะสาเหตุที่ว่า จอดแช่น้ำมากกว่า แต่ถ้าวิ่งผ่านน้ำ โดยปกติ จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าแช่น้ำเมื่อไหร่ละก็ เตรียมตัวเสียเงินได้เลย
4. ตรวจสอบ พื้นพรมในรถ ว่า เปียกชื้นหรือไม่ เพราะ หลังการลุยน้ำลึกมา มีโอกาสมากที่น้ำจะซึมเข้ามาภายในห้องโดยสาร เพราะฉะนั้น ต้องเปิดผ้ายาง เปิดพรม เอามือ กดแรง ๆ ดู หรือลองเอากระดาษซับดูว่ามีน้ำอยู่หรือปล่าว ถ้ามีน้ำขังอยู่ภายในห้องโดยสาร ผมคิดว่า น่าจะถึงเวลารื้อพรมกันเลยละครับ เพื่อป้องกันปัญหาตามมา เพราะถ้าคุณไม่รื้อพรม แต่คุณอาจแค่เพียง เอาผ้าซับ ๆ ให้พื้นแห้ง แล้วจอดตากแดด จริง ๆแล้ว มันก็แห้งเหมือนกัน แต่สิ่งที่คุณไม่เห็นก็คือ สิ่งสกปรกที่มันยังค้างอยู่ในรถของคุณ ซึ่งคุณก็น่าจะรู้ว่า น้ำมันมีเชื้อโรคสารพัด แล้วเมื่อมันแห้ง มันก็จะแพร่เชื้อและเป็นเชื้อราอยู่ในพรม สิ่งที่อยากบอกต่อคือ นอกจากนี้ในรถยังมีระบบปรับอากาศที่มันจะเป็นตัวช่วยพัฒนาการเจริญเติบโตของ เชื้อโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แล้วมันก็จะหมุนเวียน กลับไปกลับมา อยู่ในรถของคุณ นั่นก็เป็นสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้ เพราะคุณก็สูดเอาเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าไปตลอดเวลา จะว่าไปแล้ว รถสมัยนี้ค่อนข้างออกแบบมาดี ลุยน้ำไม่ค่อยดับกันหรอก ถ้าทำอย่างที่ผมบอกนะครับ ผมว่า จากสายตา วันนี้ผมลุยน้ำลึกไม่น่าต่ำกว่า 50 ซม เพราะรถรุ่นใหม่ ๆ จะย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยเฉพาะเจ้า ECU ไว้ในตำแหน่งที่สูง พูดง่าย ๆ ว่า อยู่ในรถกันเลยหละ รวมถึงกล่องฟิวส์ต่าง ๆ ติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันน้ำท่วมนี่เหละ
หวังว่าคงมีประโยชน์นะครับ
ที่มา : forward mail
ข้อ 1 คือ ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด ในขณะขับรถลุยน้ำลึก หรือแม้จะน้ำตื้นก็ตาม
เพราะ สาเหตุที่รถดับ ส่วนใหญ่เกิดจากการเปิดแอร์แล้วขับลุยน้ำ ที่ผมบอกอย่างนี้ ก็เพราะว่า เมื่อเราเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน และอย่าลืมสิ ว่าเรากำลังลุยน้ำลึก อย่างที่ผมเจอวันนี้ ก็คิดว่าน่าจะเกินระดับพัดลม เพราะฉะนั้น ถ้าเราขืนเปิดพัดลมละก็ สิ่งที่จะตามมา ก็คือ ใบพัดจะพัดให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง แล้ว คุณลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น นั่นก็คือ เครื่องจะดับเอาง่าย ๆ หรือ ถ้าโชคดี หรือโชคร้าย ถ้าเครื่องไม่ดับ ใบพัดก็จะหมุน ๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้หรอกว่า ขณะที่เราลุยน้ำ อะไรมันจะลอยมาบ้าง มันมีสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ขยะ กิ่งไม้ ไม้หน้าสาม ถุงพลาสติก รองเท้า ... สิ่งของพวกนี้ มันมีโอกาสที่จะเข้ามาในห้องเครื่อง แล้วโดนใบพัดตัดจนใบพัดหัก ซึ่งถ้าใบพัดหัก แน่นอนว่า เราขับรถต่อไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะระบบระบายความร้อนจะมีปัญหา
ข้อ 2 ควรใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา ก็ใช้ประมาณเกียร์ 2 หรือสำหรับออโต้ ก็ใช้เกียร์ L ก็ได้ครับ รวมถึงการขับขี่ที่มีความเร็วต่ำที่สุด
เท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ อย่าหยุดอย่าเร่งความเร็วขึ้น
ข้อ 3 คือ ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง ๆ เพราะเห็นผู้ขับขี่หลาย ๆ คนมักจะเร่งเครื่องแรง ๆ เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะกลัวเครื่องดับ
เพราะกลัวน้ำเข้าท่อไอเสีย ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นความคิดที่ผิดมาก ๆ แท้ ที่จริงแล้ว การเร่งเครื่อง ยิ่งทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น เมื่อเครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงาน และสิ่งที่จะตามมาก็เหมือนกับข้อ 1
ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าท่อไอเสียครับ เพราะต่อให้น้ำจะท่วมท่อไอเสีย แล้วคุณสตาร์ทรถอยู่ที่รอบเดินเบา แรงดันที่ออกมาเพียงพอที่จะดันน้ำออกมาอย่างสบาย ๆ ต่อให้คุณจอดรถทิ้งไว้จนน้ำท่วมท่อไอเสียก็ตาม เมื่อคุณเข้าไปในรถ แล้วสตาร์ทรถ ผมกล้าพูดได้เลยทีเดียวติดแน่นอน (กรณีนี้ ที่ผมกล้าพูดว่ารถสามารถสตาร์ทติด คือ น้ำท่วม แค่ท่วมท่อไอเสียนะ ไม่ใช่ท่วมฝากระโปรงนะครับ) แต่สำหรับรถคาบู ผมเองก็ไม่แน่ใจ ว่าถ้าถึงขั้นน้ำท่วมท่อไอเสีย แล้วมันจะสตาร์ทติดหรือไม่ แต่สำหรับเครื่องหัวฉีดสบายใจได้ครับ
4. ควรลดความเร็วลง เมื่อ กำลังจะขับรถสวนกับอีกคันที่กำลังขับมา
เพราะ ไม่งั้นจะกลายเป็นคลื่นชนคลื่น อย่างที่ผมบอก ซึ่งน้ำที่ปะทะระหว่างรถของเราและรถที่วิ่งสวนมา มันก็อาจทำให้น้ำกระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้ หลังจากเราลุยน้ำลึกมา สิ่งที่ควรทำต่อ ก็คือ ข้อแรก พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะในช่วงแรก ๆ หลังจากการลุยน้ำลึกมา มันจะเบรกไม่อยู่ และเป็นอันตรายมาก ถ้าเราไม่ทำการย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก สำหรับเกียร์ธรรมดา ต้องมีการย้ำคลัชเช่นเดียวกับการย้ำเบรก เพราะหลังการลุยน้ำมา อาจมีปัญหาคลัชลื่น จึงต้องทำทั้งย้ำคลัชและย้ำเบรก
อีกข้อนึงคือ ไม่ควรดับเครื่องทันที ถึงแม้ถึงจุดหมายก็ตาม เพราะ อาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย ซึ่งควรสตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก ซึ่งจะสังเกตได้ว่า มีไอออกจากท่อไอเสีย ก็ไม่ต้องตกใจ ก็ให้สตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้น้ำในหม้อพักมันระเหยออกไป เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ จะทำให้เกิดน้ำค้างอยู่ในหม้อพัก สิ่งที่จะตามมาคือ มันจะผุ
และหลังจากวันที่เราลุยน้ำมาแล้ว เราควรจะทำอย่างไร ไปดูกันต่อค่ะ !!!
1. ล้างรถ รวมถึง การฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถด้วย รวมทั้งบริเวณซุ้มล้อ เพื่อล้างพวกเศษทรายต่าง ๆ ที่มันเกาะติดอยู่ หรือบริเวณใต้ท้องรถ ซึ่งอาจมีพวกเศษขยะ เศษหญ้า ติดอยู่ ต้องเอาออกให้หมด เพราะถ้าเศษหญ้าแห้งมันติดอยู่ใต้รถ อันตรายที่จะเกิดขึ้น มันใหญ่หลวงนัก หนัก ๆ หน่อย ไฟอาจไหม้ได้ ในคู่มือยังบอกเลยครับว่า รถที่ติดตั้งตัวกรองไอเสีย หรือ (CAT) ไม่ควรจอดรถไว้บริเวณที่มีต้นหญ้าขึ้นสูง เพราะอุณหภูมิของเจ้า Catalytic Converter นั้น มันค่อนข้างสูงมาก ๆ
2. สำรวจน้ำมันเกียร์ ว่า มันมีสีผิดปกติหรือไม่ คือ ถ้ามีลักษณะคล้ายสี ชาเย็น นั่นแสดงว่า ต้องมีน้ำเข้าไปอยู่ในระบบเกียร์อย่างแน่นอน หรือถ้าเป็นไปได้ ก็เปลี่ยนน้ำมันเกียร์มันซะเลย เพื่อความสบายใจ เพราะก้านวัดน้ำมันเกียร์นั้นอยู่ค่อนข้างต่ำ และยิ่งรถผ่านการลุยน้ำลึก ๆ มา มันก็จะท่วมตัวเจ้าก้านวัด ซึ่งเป็นไปได้ที่น้ำจะซึมเข้าไปในระบบเกียร์ และมันก็จะทำให้ระบบเกียร์พัง
3. เช็คลูกปืนล้อ ซึ่ง พูดง่าย ๆ ว่า เจอน้ำทีไร ลูกปืนล้อมันก็จะดัง เวลาวิ่งความเร็วสูง ๆ อันนี้ทำใจไว้ได้เลย ว่าอาจต้องเปลี่ยน แต่ โดยปกติแล้ว เจ้าลูกปืนล้อมันจะพังเร็ว ก็เพราะสาเหตุที่ว่า จอดแช่น้ำมากกว่า แต่ถ้าวิ่งผ่านน้ำ โดยปกติ จะไม่ค่อยมีปัญหาอะไร แต่ถ้าแช่น้ำเมื่อไหร่ละก็ เตรียมตัวเสียเงินได้เลย
4. ตรวจสอบ พื้นพรมในรถ ว่า เปียกชื้นหรือไม่ เพราะ หลังการลุยน้ำลึกมา มีโอกาสมากที่น้ำจะซึมเข้ามาภายในห้องโดยสาร เพราะฉะนั้น ต้องเปิดผ้ายาง เปิดพรม เอามือ กดแรง ๆ ดู หรือลองเอากระดาษซับดูว่ามีน้ำอยู่หรือปล่าว ถ้ามีน้ำขังอยู่ภายในห้องโดยสาร ผมคิดว่า น่าจะถึงเวลารื้อพรมกันเลยละครับ เพื่อป้องกันปัญหาตามมา เพราะถ้าคุณไม่รื้อพรม แต่คุณอาจแค่เพียง เอาผ้าซับ ๆ ให้พื้นแห้ง แล้วจอดตากแดด จริง ๆแล้ว มันก็แห้งเหมือนกัน แต่สิ่งที่คุณไม่เห็นก็คือ สิ่งสกปรกที่มันยังค้างอยู่ในรถของคุณ ซึ่งคุณก็น่าจะรู้ว่า น้ำมันมีเชื้อโรคสารพัด แล้วเมื่อมันแห้ง มันก็จะแพร่เชื้อและเป็นเชื้อราอยู่ในพรม สิ่งที่อยากบอกต่อคือ นอกจากนี้ในรถยังมีระบบปรับอากาศที่มันจะเป็นตัวช่วยพัฒนาการเจริญเติบโตของ เชื้อโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แล้วมันก็จะหมุนเวียน กลับไปกลับมา อยู่ในรถของคุณ นั่นก็เป็นสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้ เพราะคุณก็สูดเอาเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าไปตลอดเวลา จะว่าไปแล้ว รถสมัยนี้ค่อนข้างออกแบบมาดี ลุยน้ำไม่ค่อยดับกันหรอก ถ้าทำอย่างที่ผมบอกนะครับ ผมว่า จากสายตา วันนี้ผมลุยน้ำลึกไม่น่าต่ำกว่า 50 ซม เพราะรถรุ่นใหม่ ๆ จะย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ โดยเฉพาะเจ้า ECU ไว้ในตำแหน่งที่สูง พูดง่าย ๆ ว่า อยู่ในรถกันเลยหละ รวมถึงกล่องฟิวส์ต่าง ๆ ติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันน้ำท่วมนี่เหละ
หวังว่าคงมีประโยชน์นะครับ
ที่มา : forward mail
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Venom-Crusher ที่ 14 ตุลาคม 2009, 11:43:29
เยี่ยมไปเลยครับ ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 14 ตุลาคม 2009, 11:51:38
ขอบคุณนะครับ ป่านนี้แถว ๆ หน้า สน.บางนา, โรงแรมโนโวเทล น้ำแมร่งยังไม่ลดเลยครับ จากเมื่อคืน เวร... :grrrrrr:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: cicimaru ที่ 14 ตุลาคม 2009, 12:01:02
:lol: กำ ใบพัดข้างหน้าเครื่องมันเอาไว้เป่าแอร์ เหรอครับ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: nitinside ที่ 14 ตุลาคม 2009, 12:13:02
จดๆครับไว้ซื้อรถแล้วจะลองครับ...อิอิ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: สบาย-สบาย ที่ 14 ตุลาคม 2009, 12:24:42
ขอบคุณมากเลยครับ กับข้อแนะนำดีๆ แถวๆบ้านนี้น้ำท่วมบ่อย ปี 2542 นี่ท่วมเลยหลังคารถเลย
กลางวันมองรถไม่เห็น แต่กลางคืนนี่รู้เลยว่ารถอยู่ตรงไหน ไฟมันติดเองซะงั้น
กลางวันมองรถไม่เห็น แต่กลางคืนนี่รู้เลยว่ารถอยู่ตรงไหน ไฟมันติดเองซะงั้น
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: beerking ที่ 14 ตุลาคม 2009, 12:45:11
ขอบคุณครับผม เคยจมมารอบนึง จำเลยครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ 14 ตุลาคม 2009, 12:56:39
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ เดี๋ยวนำหลักไปใช้กับ แมงกะไซด์ ผมบ้าง :^^:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: yuki_kaze ที่ 14 ตุลาคม 2009, 13:09:13
ขอบคุณครับ ได้ความรู้
สงสัยแต่ว่าทำไมมี ครับ สลับ ค่ะ ละครับ?
งง :beurk:
สงสัยแต่ว่าทำไมมี ครับ สลับ ค่ะ ละครับ?
งง :beurk:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: tccx ที่ 14 ตุลาคม 2009, 13:18:40
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: cicimaru ที่ 14 ตุลาคม 2009, 13:22:49
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ เดี๋ยวนำหลักไปใช้กับ แมงกะไซด์ ผมบ้าง :^^:
เฟอรารี่ สีแดงรึป่าวครับ รบกวนมาซุำกออกด้วย ขวางทางวินสามล้อผมอิอิหัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Chris ที่ 14 ตุลาคม 2009, 14:14:09
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ เดี๋ยวนำหลักไปใช้กับ แมงกะไซด์ ผมบ้าง :^^:
เฟอรารี่ สีแดงรึป่าวครับ รบกวนมาซุำกออกด้วย ขวางทางวินสามล้อผมอิอิปล. ซุกแปลว่าอะไรครับ :^^:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: tpp ที่ 14 ตุลาคม 2009, 14:21:15
เท้งกิ้วครับ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: yoshiki ที่ 14 ตุลาคม 2009, 14:23:02
เคยขับลุยน้ำสูง ๆ 2 ครั้งลืมปิดแอร์ ดีนะเนี่ยที่ไม่เป็นอะไร :mad:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: dazeb ที่ 14 ตุลาคม 2009, 14:39:19
พกผ้าขาวม้าไว้ปิดกระจังหน้าเวลาลุยน้ำ :great:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 14 ตุลาคม 2009, 15:10:56
ขอบคุณครับ ได้ความรู้
สงสัยแต่ว่าทำไมมี ครับ สลับ ค่ะ ละครับ?
งง :beurk:
อันนี้ไม่ทราบครับ เพราะผมก็ก๊อปมาอีกทีนึงครับสงสัยแต่ว่าทำไมมี ครับ สลับ ค่ะ ละครับ?
งง :beurk:
สงสารเจ้าหน้าที่ทุกคนเลยครับ งานเข้าอย่างหนัก น่าเห็นใจมาก ๆ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Venom-Crusher ที่ 14 ตุลาคม 2009, 15:36:30
ขอบคุณมากเลยครับ กับข้อแนะนำดีๆ แถวๆบ้านนี้น้ำท่วมบ่อย ปี 2542 นี่ท่วมเลยหลังคารถเลย
กลางวันมองรถไม่เห็น แต่กลางคืนนี่รู้เลยว่ารถอยู่ตรงไหน ไฟมันติดเองซะงั้น
กลางวันมองรถไม่เห็น แต่กลางคืนนี่รู้เลยว่ารถอยู่ตรงไหน ไฟมันติดเองซะงั้น
น้าช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2485 ให้ฟังหน่อยสิครับ
หลานๆเขาอยากฟังกันอ่ะครับ อิอิ :love:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 14 ตุลาคม 2009, 15:48:13
ขอบคุณมากเลยครับ กับข้อแนะนำดีๆ แถวๆบ้านนี้น้ำท่วมบ่อย ปี 2542 นี่ท่วมเลยหลังคารถเลย
กลางวันมองรถไม่เห็น แต่กลางคืนนี่รู้เลยว่ารถอยู่ตรงไหน ไฟมันติดเองซะงั้น
กลางวันมองรถไม่เห็น แต่กลางคืนนี่รู้เลยว่ารถอยู่ตรงไหน ไฟมันติดเองซะงั้น
น้าช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ปี พ.ศ.2485 ให้ฟังหน่อยสิครับ
หลานๆเขาอยากฟังกันอ่ะครับ อิอิ :love:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: yuki_kaze ที่ 14 ตุลาคม 2009, 15:57:36
ผมเพิ่งรู้นะครับเนี่ยว่าเมื่อวานมีคนเดือนร้อนกันมากบนถนนเส้นนั้น
ปีนี้ได้เจอเหตุการณืเน่าๆจากน้ำท่วมขากลับบ้านเช่นกันครับ :mad:
ปีนี้ได้เจอเหตุการณืเน่าๆจากน้ำท่วมขากลับบ้านเช่นกันครับ :mad:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: MrHelix ที่ 14 ตุลาคม 2009, 19:02:17
จดครับ จด :great:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: kim ที่ 14 ตุลาคม 2009, 19:07:04
ว้าว ขอบคุณมากครับ หากน้ำท่วมจนน้ำเข้าห้องโดยสารแล้วต้องทำไงดีนิ จะเป็นเรือไปละ :drunk:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 14 ตุลาคม 2009, 21:35:27
ครับ วันนี้ตั้งแต่เช้า ก็ยังเดือดร้อนกันไม่เลิกครับ ยันค่ำของวันนี้เลยก็ว่าได้ ถ้าคืนนี้ไม่มีฝนซ้ำลงมาอีก พรุ่งนี้น่าจะทุเลาครับ วันนี้ผมลงทางด่วนตรงซอยสุขุมวิท 62 ไปเข้าอุดมสุข ฉลุยครับไม่มีปัญหา :love:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: dq-pb ที่ 14 ตุลาคม 2009, 23:45:35
แต่ว่าน้ำท่วมสูงจริงๆ เลยนะครับที่นั้นนะ รถตายกันเป็นแถว อิอิ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 16 ตุลาคม 2009, 08:17:32
ปกติแว้ววววววววววววววววววววว :love:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: MrHelix ที่ 16 ตุลาคม 2009, 10:07:31
ยินดีด้วยครับ :mdr:
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Stefran Dekven ที่ 17 ตุลาคม 2009, 23:01:54
ขอบคุนคับบ แถวบ้านเลย
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: kingmax ที่ 25 ตุลาคม 2009, 10:27:14
เดียวจะเอาไปใช้เลยครับ ความรู้ๆจดๆ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: Cybernetic ที่ 28 ตุลาคม 2009, 12:34:50
ขอบคุนคับบ แถวบ้านเลย
โอ้ว ท่านเทพมาแล้วครับ อย่างท่านนี่ไม่ต้องกลัวเลยครับ เพราะเท้าไม่แตะพื้น สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ :jap:หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: gorilla ที่ 28 ตุลาคม 2009, 13:19:15
:lol: กำ ใบพัดข้างหน้าเครื่องมันเอาไว้เป่าแอร์ เหรอครับ
มันมี 2 อย่างนะครับ
เป่าแอร์ กับเป่าหม้อน้ำครับ
เป่าหม้อน้ำน่าจะมี 2 แบบ คือ
1. พัดลมใช้แรงเครื่องเป่าครับ คือ ไม่ต้องร้อนพัดลมก็ทำงานแล้ว ทำงานตามเครื่องเลย
2. พัดลมไฟฟ้า ทำงานเมื่อเครื่องร้อนถึงอุณหภูมิที่กำหนดครับ
ปล. ความรู้หางอึ่งครับ ใครเซียนก็ช่วยเสริม ช่วยแต่ง หรือช่วยแนะนำด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ทริคเล็ก ๆ...ขับรถตอนน้ำท่วม ทำยังไง ?
เริ่มหัวข้อโดย: bufet12123 ที่ 05 มิถุนายน 2018, 22:19:41
สุดยอดครับผม :intello: