หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Inmarsat ร่วมมือกับ Cobham SATCOM มุ่งพัฒนาประมงยั่งยืนในมัลดีฟส์  (อ่าน 1795 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
iqpressrelease
Vmodtech Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3688


อีเมล์
« เมื่อ: 22 ตุลาคม 2020, 14:04:29 »

Inmarsat ร่วมมือกับ Cobham SATCOM มุ่งพัฒนาประมงยั่งยืนในมัลดีฟส์ด้วยบริการ Fleet One
          Inmarsat ผู้นำระดับโลกด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม และ Cobham SATCOM ผู้ให้บริการโซลูชันคลื่นวิทยุและดาวเทียมสื่อสารระดับแนวหน้าของตลาด ได้รับการอนุมัติสัญญาฉบับใหม่สำหรับการเชื่อมต่อเรือประมง 732 ลำในเขตเศรษฐกิจจำเพาะมัลดีฟส์เข้ากับ Fleet One ซึ่งเป็นบริการบรอดแบนด์ทางทะเลของ Inmarsat
          SAILOR Fleet One ของ Cobham ใช้กลุ่มดาวเทียม Inmarsat-4 เพื่อให้บริการการโทรด้วยเสียงและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลกที่เชื่อถือได้ ผ่านเสาอากาศขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเบาและขั้นตอนการติดตั้งที่ง่ายดาย ราคาที่จับต้องได้ของเทคโนโลยีนี้ยังทำให้เรือขนาดเล็กสามารถเข้าถึงการสื่อสารทางทะเลผ่านดาวเทียมได้เป็นครั้งแรก
          ข้อตกลงครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการทดลองใช้บริการ Fleet One และอุปกรณ์เทอร์มินัลของ SAILOR Fleet One จาก Cobham บนเรือ 15 ลำ ซึ่งยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มีสมรรถนะที่เกินกว่าคุณสมบัติสำหรับระบบติดตามเรือ (VMS) ตามข้อกำหนดของโครงการพัฒนาทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน (Sustainable Fisheries Resources Development Project) ของมัลดีฟส์ ที่มุ่งยกระดับการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง (Monitoring, Control, Surveillance) ในภาคการประมง โครงการ VMS เกิดขึ้นภายใต้ความตกลงระหว่างบริษัท Ooredoo ในมัลดีฟส์กับกระทรวงการประมงและการเกษตร และได้รับทุนสนับสนุนจากธนาคารโลก
          สัญญาระยะเวลา 5 ปีนี้ครอบคลุมการผลิตและบำรุงรักษา VMS เพื่อใช้การสื่อสารผ่านดาวเทียม Fleet One ผ่านระบบ L-band จาก Inmarsat โดยมีเซิร์ฟเวอร์การสื่อสารที่ปลอดภัยผ่าน Integrated Monitoring (IM) และเสาอากาศ SAILOR จาก Cobham SATCOM ซึ่งติดตั้งโดย Ooredoo
          การประมงเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักอย่างหนึ่งในมัลดีฟส์ โดยเป็นอันดับสองรองจากการท่องเที่ยวเท่านั้น อุตสาหกรรมประมงสร้างงานให้กับประชากรกว่า 30% ทั้งนี้ โครงการ Sustainable Fisheries Resources Development Project ริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2560 ก่อนจะตามมาด้วย พ.ร.บ. การประมงแห่งมัลดีฟส์ในปี 2562 ซึ่งสั่งห้ามใช้อุปกรณ์ประมงที่ไม่ยั่งยืนหลากหลายรูปแบบ อย่างเช่น อวนล้อมจับแบบมีสายมาน อวนลาก และอวนลอย นอกจากนี้ยังออกใบอนุญาตให้เฉพาะเรือประมงที่มีระบบการติดตามแบบเรียลไทม์และที่จดทะเบียนในมัลดีฟส์เท่านั้น Fleet One จะสนับสนุนระบบตรวจสอบย้อนกลับและการบันทึกข้อมูลการประมงแบบดิจิทัล (electronic catch documentation and traceability - eCDT) เพื่อต่อต้านการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal, Unregulated, Unreported - IUU) พ.ร.บ. การประมงนี้ยังกำหนดให้ชาวประมงมีสิทธิได้รับบำนาญ การฝึกอบรม และการเชื่อมต่อกับบริการฉุกเฉินต่าง ๆ ด้วย
          "โครงการ VMS ตอกย้ำบทบาทของมัลดีฟส์ในการเป็นผู้นำด้านการประมงที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์เศรษฐกิจสีน้ำเงิน (blue economy) ในระยะยาว" Zaha Waheed รัฐมนตรีกระทรวงการประมงมัลดีฟส์ กล่าว "โครงการนี้ช่วยให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานของบรอดแบนด์ทางทะเลสำหรับการติดตามและจัดการการดำเนินการทางประมง พร้อมทั้งส่งเสริมสวัสดิภาพของผู้ที่ทำงานในทะเล ในการนี้ เราได้เลือกเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ ปรับระดับการใช้งานได้ มีความก้าวหน้า คุ้มต้นทุน และใช้งานได้ง่าย และยังได้เลือกร่วมมือกับกลุ่มคู่ค้าที่มีประวัติการทำงานที่ไว้วางใจได้ หากโครงการนี้ประสบความสำเร็จก็หมายความว่ามัลดีฟส์ได้บรรลุและทำเกินกว่าข้อกำหนดของภาคีคณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย (IOTC)"
          Najib Khan กรรมการผู้จัดการและซีอีโอบริษัท Ooredoo Maldives กล่าวว่า "เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคู่ค้าที่ยึดถือคุณค่าเดียวกันกับเรา ในการสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมในสังคมด้วยเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ระบบติดตามเรือ Fleet One Monitoring Vessel System ช่วยให้การติดตามเรือประมงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเจ้าของเรือและเจ้าหน้าที่ และยังช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับลูกเรือ พร้อมทั้งทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะได้รับความปลอดภัยขณะออกเรือ เราตั้งตารอที่จะได้เห็นความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมประมงในมัลดีฟส์ซึ่งโครงการนี้ส่งเสริมให้เกิดขึ้น"
          Eric Griffin รองประธานฝ่ายนอกชายฝั่งและการประมง บริษัท Immarsat Maritime กล่าวว่า "นี่เป็นอีกการสนับสนุนที่สำคัญโดยรัฐบาล ด้วยความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มระบบติดตามเรือประมง Fleet One การสนับสนุนครั้งนี้จะสร้างประโยชน์มากมายในแง่ของสวัสดิภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินงานในตลาดที่อ่อนไหวต่อราคานี้ แพลตฟอร์มนี้ยังจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตามสภาพอากาศ ผมหวังว่าการบอกต่อกันแบบปากต่อปากจะมีส่วนช่วยในแง่ของการใช้บริการข้อมูล ระบบส่งข้อความแบบทันทีจะช่วยให้การใช้งานแพร่หลายมากขึ้น เมื่อลูกเรือที่อยู่นอกเขตสัญญาณของเครือข่ายบนบกต้องการติดต่อกับเพื่อนและครอบครัว หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสต็อกปลา"
          Meenal Rao ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาค แผนกอุตสาหกรรมทางทะเลภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Cobham SATCOM กล่าวว่า "กระทรวงฯ มีเป้าหมายเดียวกับเราในการอนุรักษ์และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมทางทะเล เรายินดีที่สามารถช่วยสนับสนุนเรือประมงของมัลดีฟส์ ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวด้วยการให้บริการการเชื่อมต่อ ซึ่งจะช่วยให้เรือแต่ละลำสามารถอนุรักษ์ ติดตาม และส่งเสริมสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว"

          ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LinkedIn หรือ Twitter ของเรา @cobhamsatcomMar
          สื่อมวลชนติดต่อ:
          Jonathan Sinnatt/Matthew Knowles
          Corporate Communications
          โทร: +44 (0)20 7728 1518/1355
          อีเมล: [email protected]
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป: