AMD บรรลุความสำเร็จเหนือเป้าหมายที่ตั้งไว้ใน 6 ปี ในการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโมบายโปรเซสเซอร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 25 เท่า

นับเป็นความสำเร็จมากกว่าที่ตั้งไว้ในปี 2557 ด้วยโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 7 4800H ใหม่ ที่มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นถึง 31.7 เท่า เมื่อนำไปเทียบกับการวัดมาตรฐาน
กรุงเทพฯ, ประเทศไทย - 29 มิถุนายน 2563 - AMD (NASDAQ: AMD) ประกาศความสำเร็จ 25x20 ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2557 ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโมบายโปรเซสเซอร์ได้มากขึ้นถึง 25 เท่า ในปี 2563 โดยโมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 7 4800H ใหม่ สามารถพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานตามการวัดค่าพื้นฐานของปี 2557 ถึง 31.7 เท่า ส่งมอบความเป็นผู้นำด้านประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มคอมพิวเตอร์แล็บท็อป จากประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่พัฒนาขึ้นนำไปสู่คุณประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นให้กับผู้ใช้ เช่น อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ลดลง

ซูซาน มัวร์ รองประธานฝ่ายธุรกิจเพื่อสังคม และหน่วยงานราชการระหว่างประเทศ ของ AMD กล่าวว่า “การปกป้องโลกของเราสามารถทำควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพได้ และช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าหมายได้ ซึ่งจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานบนแล็ปท็อปโปรเซสเซอร์ของเรานั้นจะช่วยสร้างความแตกต่างให้กับโลกรอบๆ ตัวเรา ซึ่งเป้าหมายการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 25x20 สะท้อนให้เห็นถึงความุ่งมั่นของ AMD ในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืน จะเห็นได้จากการรายงานความคืบหน้าในแต่ละปี อีกทั้งยังสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในที่สุดและยังก้าวล้ำไปได้อีกขั้น”

การพัฒนาประสิทธิภาพ และลดการใช้พลังงานของโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 7 4800H ได้แซงหน้าแนวโน้มด้านประสิทธิภาพที่คาดการณ์ไว้โดย Koomey's Law รวมไปถึง Moore’s Law ที่ได้อธิบายแนวโน้มการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2563 จะเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ดร. โจนาธาน คูมีย์ ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มอุตสหกรรมด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้านการประมวลผล กล่าวว่า “หกปีที่แล้ว AMD ท้าทายตัวเองด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของโมบายโปรเซสเซอร์ ผมได้ตรวจสอบข้อมูลและบอกได้ว่า AMD สามารถบรรลุเกินเป้าหมาย 25x20 ที่เคยตั้งไว้ในปี 2557 ผ่านการปรับปรุงดีไซน์การออกแบบ เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลที่เหนือกว่า และความมุ่งมั่นในการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน ด้วยชิปประมวลผลที่ประหยัดพลังงานมากว่ารุ่น 2557 ถึง 31.7 เท่า ทำให้ AMD สามารถก้าวล้ำในด้านประสิทธิภาพ และได้รับสิ่งคาดหวังจาก Moore’s Law ผสมผสานไปกับ Koomey’s Law” เควิน เครเวล นักวิเคราะห์จาก TIRIAS Research กล่าวว่า “AMD ทำในสิ่งที่กล้าหาญ และสร้างคุณประโยชน์ด้านวิศวกรรมในวงกว้างในการพัฒนาประสิทธิภาพของโปรเซสเซอร์เพิ่มขึ้นถึง 25 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ทำให้ AMD ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอุตสาหกรรมโมบายโปรเซสเซอร์ เป้าหมาย 25x20 นั้นต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบ และซอฟต์แวร์ ซึ่งไม่สามารถพึ่งพาแค่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกระบวนการผลิตระดับซิลิกอนเพียงอย่างเดียว การบรรลุความสำเร็จ และก้าวล้ำเหนือเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของทีมงาน AMD ที่ได้ใส่ลงไปในผลิตภัณฑ์โมบายโปรเซสเซอร์” บ็อบ โอดอนเนลล์ ประธานบริษัท TECHnalysis Research กล่าวว่า “เป้าหมายของ AMD ในการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานของแล็ปท็อปโปรเซสเซอร์ที่เพิ่มขึ้น 25 เท่าในปีนี้ อาจจะดูเหมือนเป็นเป้าหมายที่เป็นนามธรรม และไร้เหตุผลเมื่อพวกเขาประกาศเป็นครั้งแรกเมื่อหกปีก่อน แต่เมื่อพวกเขาสามารถทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มันกลับยิ่งทำให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น การใช้พลังงานที่ต่ำลงไม่เคยมีความสำคัญต่อโลกมาก่อน และความสามารถของบริษัทที่บรรลุเป้าหมายในด้านนี้ อีกทั้งยังคงประสิทธิภาพการประมวลผลของโปรเซสเซอร์ที่ยอดเยี่ยม เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตลาดที่มุ่งเน้นด้านวิศวกรรมเป็นหลัก”
เป็นเวลากว่า 50 ปีที่ AMD ขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งในส่วนของการประมวลผลกราฟิก และเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่นต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับวงการเกม เป็นแพลตฟอร์มระดับมืออาชีพ และเป็นศูนย์กลางข้อมูล ผู้บริโภคหลายร้อยล้านคน องค์กรธุรกิจชั้นนำที่จัดอยู่ในกลุ่ม Fortune 500 และหน่วยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ทั่วโลก ต่างใช้เทคโนโลยีของ AMD เพื่อการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ชีวิต การทำงาน และความบันเทิง พนักงานของ AMD ทุกคนทั่วโลกล้วนมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่จะก้าวข้ามขอบเขตของข้อจำกัดทั้งหลาย ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AMD (NASDAQ: AMD) และกระบวนการสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่เราทำในปัจจุบันและที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ที่เว็บไซต์ website, blog, Facebook และ Twitter

