Asus Eee Top

ภาพจากโปรแกรม Everest แสดงรายละเอียดของเครื่อง

Eee top เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ Eee Family จาก Asus ที่ส่วนใหญ่มักหมายถึงคอมพิวเตอร์ที่มีคอนเซ็ปต์ขนาดเล็ก กับคอนเซ็ปต์ “Easy to lern work and play” และราคาที่ย่อมเยาว์ ถือเป็นจุดเด่นหลักของ Eee family จาก Asus ครับ โดยเจ้า Eee Top รุ่นนี้ ยังคงยืนพื้นอยู่กับแพลตฟอร์มขนาดเล็ก และประหยัดพลังงานอย่าง Intel Atom อยู่อย่างเหนียวแน่น ซึ่งเราๆท่านๆก็คงจะพอทราบกันว่าประสิทธิภาพมันเป็นอย่างไร

บอดี้ด้านหน้าของ Eee top ดูๆไปแล้ว ค่อนข้างคล้ายคลึงกับคอมพิวเตอร์ iMac จาก Apple พอสมควรครับ กับดีไซน์สีขาวนวล มาพร้อมกับจอ wide screen ขนาด 15 นิ้ว แบบสัมผัสได้ ทำให้เมื่อนำไปวางบนโต้ะแล้ว สะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นสมุดโน๊ตประจำครอบครัว หรือใช้เป็น internet station ประจำห้องรับแขก หรือห้องนอน ก็เป็นไปได้ครับ โดยไม่ต้องมีคีย์บอร์ดให้เกะกะ แต่สำหรับการดูหนัง HiDef แล้วนี่อาจจะต้องคิดหนักหน่อยครับ เพราะผมว่าหนังอาจจะล้นจอ 15 นิ้ว แต่คงจะดูได้ตามอัตตราส่วน 16:9 แน่นอน แต่อย่างไรก็ดี ผมเห็นว่าการดูไฟล์ Hidef ใน ซีพียู Atom กับกราฟฟิค GMA950 นั้นอาจจะเป็นงานที่หนักไปเสียหน่อยครับสำหรับแพลตฟอร์มนี้

ไอ้ครั้นจะพูดถึงแต่ความดีความชอบของเจ้า Touch screen มันก็กระไรอยู่ ดังนั้นผมจึงขอพูดถึงข้อด้อยของมันเลยก็แล้วกันครับ ว่า… มันกดยากครับต้องจิ้มลงไปแรงพอสมควร และบริเวณขอบๆจอ ก็ใช้งานไม่ค่อยได้ - ลำบากไปสักหน่อย แต่ถ้าถามถึงการใช้งานจริง คิดว่า ถ้าหากไม่ได้ใช้ทัชสกรีนเป็นนิจ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ กับการกด คลิกๆๆ ธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการความแม่นยำมากนัก

บอดี้ด้านหลัง ยังคงความเป็นสีขาวอยู่ครับ รวมไปถึงช่องระบายอากาศมีมาให้อย่างเพียงพอ ขาตั้งนั้น ใช้วัสดุที่เป็นโลหะครับ แข็งแรงทนทานดี สามารถง้าง ให้ตัวเครื่องเอนลงได้เกือบถึง 45 องศา และพับเก็บเพื่อหิ้วไปทุกๆที่ในบ้านได้อย่างสบายๆครับ แต่อาจจะเมื่อยแขนเคล็ดกันได้กับน้ำหนัก อีก 1 โลก็เท่ากับถุงข้าวสาร 5 โลกันแล้วล่ะครับ อิอิ.. แถมอีกนิด เสป็คจากโรงงาน เคลมมาว่า จากรูระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพเหล่านี้ ทำให้ Eee top เป็น PC ที่มีเสียงรบกวนต่ำ (มากกก) เพียงแค่ 26เดซิเบล เท่านั้นครับ

ด้านหน้าเครื่อง โดดเด่นด้วยไฟ LED สีน้ำเงิน ปรับระดับความสว่างได้จากซอฟท์แวร์ และตกแต่งบริเวณฐานเครื่องด้วยอะครีลิคสีใส พร้อมติดยางกันลื่นครับ

ไฟแสดงสถานะมีทั้งแสดงสถานะไวเรสแลน และสถานะ HDD พร้อมทั้งบริเวณเดียวกันมีปุ่มปรับ Brightness และระดับเสียงลำโพง

ด้านขวาจะเป็นปุ่มสำหรับปิดหน้าจอ และปุ่ม Power อ้อ ลืมบอกไป ลำโพงเป็นระบบ SRS Trusurround ขอบอกว่า เท่าที่ลองฟังกับหูกะละมังของผม พบว่ามันใสเกินคาดครับ อิอิ กรุ้งกริ้งๆ ดีกว่า Netbook ทั่วๆไปเยอะครับ

โชว์ให้เห็น ถึงช่องลมระบายอากาศขนาดค่อนข้างใหญ่ ด้านบนเครื่องครับ อิอิ เวลาใช้งาน ถ้าอากาศร้อนอบอ้าวๆแบบช่วงนี้แล้วล่ะก็ มีความร้อนสะสมเวลาเอามือไปสัมผัสอยู่บนหน้าจอบ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงมากนักครับ

อันนี้ให้เห็นรูปทรงสัดส่วน บริเวณด้านล่างตัวเครื่องครับ

ด้านข้างมี USB มาให้สองพอร์ต และ MMC/SD cardreader พร้อมดัมมี่การ์ดสีขาวมาให้อีกด้วยครับ และแน่นอน ไม่มี Optical drive ตามสไตล์ Eee ครับ

จะว่าไป พอร์ต USB สำหรับเครื่องขนาดเล็กๆแบบนี้ มีมาให้ถึง 6 พอร์ตเลยนี่ก็ถือว่าเยอะเอาเรื่องเหมือนกันนะครับ และแน่นอน ยังคงมี RJ45 สำหรับ Gigabit Ethernet มาให้ รวมไปถึง RJ11 สำหรับโมเดมแบบ Dial up ด้านหลังยังคงมีช่องสำหรับเสียบ Adapter แปลงไฟ รวมไปถึง Audio มาตรฐานติดมาให้อย่างครบครันครับ น่าเสียดายที่ไม่มี VGA out และช่องต่อคีย์บอร์ดแบบ PS/2 ติดมาให้ด้วย ไม่งั้นก็น่าจะเรียกได้ว่า ไร้ที่ติแล้วครับสำหรับพอร์ตเชื่อมต่อ

เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา ก็จะพบกับ Desktop แบบ Easymode ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้ ทัชสกรีนในการทำงานได้อย่างสะดวกสบายดังรูปครับ รวมไปถึง โปรแกรม Eee Memo ที่ไว้จดโน๊ตอิเล็กทรอนิกส์กันเองในบ้านก็ยังมี

มีช็อตคัตแบ่งแยกเป็นหมวดหมู่ น่าสนใจดีตามรูปครับ อิอิ

เครื่องที่ให้มาทดสอบนี่ ไม่มีโปรแกรมจำพวก Office ติดมาให้นะครับ ผมกดแล้วก็พบว่ามันไม่ตอบสนองอะไรครับ สำหรับช็อตคัทในหน้านี้

อันนี้ก็คล้ายๆกับยก Control Panel มาไว้บนเดสก์ทอพกันเลย

เรามาดูหน้า Eee Manager ครับ สำหรับโหมดการทำงานของ Hybrid Engine ในเครื่อง Asus โหมด Super performance นั้น มันจะทำการ overclock ไปที่ FSB 140mhz ส่งผลให้ความเร็วซีพียูเพิ่มขึ้นเป็น 1.7ghz ครับ

อันนี้ผมก็ งงๆ ครับ ว่ามันเซ็ตอย่างไร ตัวเครื่องที่ผมได้รับมา ไม่มี Stylus มาให้เล่นนะครับ แต่เท่าที่ได้ยินจากเพื่อนฝูงที่ไปลองเล่นมา ปรากฏว่า ทั้งชุดของ Eee top เนี่ย มันจะมีคีย์บอร์ดขนาดเล็ก แถมมาให้ พร้อมกับที่เสียบ Stylus ในตัวคีย์บอร์ดเองอีกด้วยครับ

เป็นเมนูที่ผมชอบมากครับ อิอิ มันปรับความสว่างของ LED หน้าเครื่องได้นั่นเองครับ

Raw Performance กับโปรแกรมยอดนิยม

ทดสอบ WinRAR

Super PI 1mb

Cinebench R10

ดูคะแนนระหว่าง Single กะ Multi processor ต่างกันตั้ง 1.5 เท่า แสดงว่า HT technology นั้นพอที่จะช่วยทำงานงานเสร็จเร็วขึ้นได้นะครับ อิอิ

HDtune

สำหรับ HDtune ที่ดูช้าๆ เพราะฮาร์ดดิสก์ เป็นแบบ 1.8 นิ้วนั้นเองครับ แต่ใช้งานจริง ก็จะไม่ค่อยรู้สึกมากหรอกครับ เป็นธรรมชาติของ Atom ที่ช้ายังไงก็อย่างนั้นอยู่แล้วนั้นเอง เอิ้กๆ แต่ก็ได้มาซึ่งความสะดวกในการพกพาและใช้งานนอกสถานที่ครับ

Synthetic Benchmark.

Everest Ultimate Edition

General Usage by PCmark05

Graphics by 3Dmark Series

วัดประสิทธิภาพในการเล่นเกมกราฟฟิค

3Dmark01se

3Dmark06

สำหรับผลการทดสอบ ผมก็ขี้เกียจจะพูดอะไรต่อครับ เพราะผมค้นพบว่า จะเน็ตบุ๊ก หรืออะไรก็ดี ที่ใช้ Intel Atom ประสิทธิภาพมันออกมา ก็มักจะใกล้เคียงกันหมดทุกเครื่อง และสำหรับ Eee top ก็เป็นเช่นนั้น เช่นกันครับ ไม่มีอะไรผิดปกติดี ไม่เชื่อลองไปเปิดอ่านบทความรีวิว Netbook เก่าๆของผมดูก็แล้วกันครับ เอิ้กๆๆ