เปิดตำนาน Voodoo ของดีที่โลกลืม

/ บทความโดย: admin , 20/12/2004 02:13, 4,965 views / view in EnglishEN
«»
Share


สวัสดีครับ ผม John-an7 จะมาเล่าขานตำนาน สุดยอดกราฟฟิกการ์ดในอดีด มาให้เพื่อนได้อ่านวันนี้ผมจะเล่าความหลังย้อนกลับไปในอดีตเมื่อประมาณ10ปีที่แล้ว ท่านทั้งหลายคงจะจำกันได้นะครับว่า ในเวลานั้นเมื่อเราเอ่ยถึง 3Dfx ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิฟ 3D อันเลื่องลือของยุค และด้วยกราฟฟิกชิปของบริษัทนี้เองจึงเป็นที่มาของการ์ดแสดงผล 3มิติ ในตระกูล VooDoo ซีรี่ส์ต่างๆเป็นการ์ดอันทรงประสิทธิภาพ และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางที่สุด มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ที่เราจะได้รู้จักต้นกำเนิดของVoodooในยุครุ่งเรืองและจุดล่มสลายของตำนานVooDoo …

            ประวัติ 3Dfx อย่างย่อ



สำหรับจุดเริ่มต้นของทาง 3dfx ได้เกิดขึ้นในปี 1994 ในเวลานั้นScott Sellers, Gary Taralli และ Ross Smith ได้ก่อตั้งบริษัทผลิตชิป 3D ขึ้น โดยเป้าหมายหลักในขณะนั้นคือ การผลิตกราฟฟิกชิป 3D ที่สามารถใช้งานบนเครื่องเกมอาเขต และเครื่องโฮม PC โดยอันที่จริงแล้วจุดประสงค์หลักๆ ของบริษัท 3dfx ในการผลิตชิปตัวนี้ เพื่อที่ว่า เมื่อเกมส์อาเขตใดที่ผู้พัฒนาได้สร้างขึ้นและเป็นที่นิยม ทางบริษัทจะได้แปลงตัวเกม มาจำหน่วยที่เครื่องคอมพิวเตอร์PC ได้ และจากการจำหน่วยกราฟฟิกชิปแบบดังกล่าว นี้ถือว่าเป็นจุดแรก ในการก้าวเข้ามาสู่โลก 3มิติ ของ3dfx


             


หากใลกแห่งความเป็นจริง แตกต่างกับโลกอุดมคติอย่างสิ้นเชิง ในวันที่ 3dfx ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำในโลก 3D เพียงช่วงเวลาไม่นาน nvidia ก็ได้ก้าวเข้ามา และเติบโตอย่างเรื่อยๆ อย่างมั่นคงพร้อมสร้างพลังขับเคลื่อน 3D อันน่าตื่นตะลึงผ่านกราฟฟิกชิปของต้นเอง ในขณะที่ 3dfx ได้ประสบปัญหาการผลิตตัวการ์ดล่าช้า และเลื่อนเวลาการนำกราฟฟิกชิปป้อนตลาดอย่างเหมาะสมหลายครั้งหลายครา อย่างไรก็ตาม อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับเมื่อเวลาได้ผ่านไป เทคโนโลยีในการพัฒนาตัวชิป ของ 3dfx กลับทาง nVdia ทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ผนวกกับทาง 3dfx ยังวางแผนการตลาดผิดพลาดจากการเลือกผู้ผลิตอย่าง STB และ Gigabyte โดยหวังที่จะสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มยอดขายให้กับตัวการ์ดของ 3dfx ซึ่งในความเป็นจริงการตัดสินใจนี้กลับเป็นบ่อเกิดปัญหาที่สร้างหนี้สินให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งวันที่ 15 ธันวาคม 2000 บริษัทเริ่มถอดถอนบุคลากร ที่สำคัญออกและสั่งยุติขั้นตอนการผลิตกราฟฟิกชิปของตนเองโดยถาวร


ชิปกราฟฟิกตัวสุดท้าย



หลายคนคงสงสัยว่าการ์ดแสดงผลตัวสุดท้ายของ 3dfx คือตัวใด ?? คำตอบก็คือ การ์ด Voodoo5 6000 โดยในปี 1999 ทาง 3dfx ได้เผยว่า การ์ด Voodoo5 6000 กำลังจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ และหากย้อนกลับไปหนึ่งขั้น ในขณะที่รหัสในการพัฒนาของการ์ดตัวนี้ คือ Napalm ในเวลาเดียวกัน ทางบริษัท 3dfx ยังไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดทางเทคนิคใดๆของการ์ดของตน ต่อมาในช่วงก่อนปี2000 เราหลายคนจึงได้ทราบกันว่า กุญแจสำคัญของการ์ด Voodoo5 6000 คือ Memory Banwidth ที่โดดเด่นกว่าการ์ดตัวอื่นๆ และจากองค์ประกอบส่วนนี้เอง Voodoo5 6000 จึงถูกประเมินกว่าจะมีประสิทธิภาพในการใช้งาน ในโหมด Anti-Aliasing ที่โดดเด่นเหนื่อการ์ดตัวอื่นๆ


ถัดมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี2000 ตัวการ์ดVoodoo5 6000 ตัวจริงก็ได่ถูกปล่อยออกมาสู่สาธาณชนเป็นครั้งแรก ซึ่งประสิทธิภาพของมันกลับไม่ได้ทำให้โลกตื่นตะลึงซักเท่าไหร่


เพราะเหตุใดกัน ???


คำตอบก็คือ เพราะการ์ดของทางคู่แข่งอย่าง nVidia ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมออย่างการ์ด Geforce2 ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทและเริ่มครองใจผู้ใช้ส่วนหนึ่ง ซึ่งด้วยประสิทธิภาพของการ์ดตัวนี้เองทำให้ Voodoo5 6000 จึงถูกสกัดดาวรุ่งอย่างรุนแรง นอกจากนั้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ชาวโลกก็ได้สัมผัสกับพลังของ Geforce2 Ultra ที่สามารถแสดงความโดดเด่นในการแสดงผลที่ เหนือกว่าทั้งความละเอียด และ Frame rate



อีกครั้งที่ทาง 3dfx ถูกตีแซกหน้าและอนาคตอันไม่สดใส่ได้ก้าวเข้ามากระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี สำหรับ เกมเมอร์ผู้ที่ศรัทธาใน 3dfx ที่มีจำนวนมากก็ยังไม่หวั่นไหวกับประสิทธิภาพของ Geforce2Ultra ซักเท่าไหร่ เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นต่างมอง Vodoo5 6000 เป็นดั่งของขวัญที่ประทานมาจากพระเจ้า(ผมหละคนนึง)


กราฟฟิกชิปหลายตัวบนการ์ดเดียว



พลังในการทำงานของการ์ด Vodoo5 6000 ได้มาจากการพึ่งพาหน่วยประมวลผลจำนวนมากกว่า1ตัว ซึ่งจัดเป็นวิธีพื้นฐานสำหรับเพิ่มพลังในการประมวลผลที่คลาสสิกทีเดียว ด้วยกราฟฟิกชิปประมวลผล VSA-100 จำนวน4ตัว ของVoodoo5 6000 ชิป VSA-100 ทั้ง4ตัวจะทำงานแบบ Four-way scanline interleave คือทำงานโดยแบ่งภาระในการแสดงผลออกเป็น4ส่วน โดยแบ่งภาระการทำงานของชิปตัวละ1ส่วน ดังนั้นชิปแต่ละตัว จะมีหน่วยความจำเป็นของตัวเองโดยเฉพาะตัวละ32Mb



อย่างไรก็ตาม สังเกตุได้ว่าการ์ดตัวนี้ยังใช้เทคโนโลยีแบบสมัยเก่า ยกตัวอย่างเช่น การเลือกหน่วยความจำแบบเก่าอย่าง Sd-Ram โดยการทำงานของหน่วยความจำดังกล่าว จะเป็นการทำงานแบบแยกอิสระ และค่อยรวมประสิทธิภาพจากการทำงานทั้งหมดสู่จอ แน่นอนว่า จุดด่างจุดหนึ่งที่3dfx ประสบปัญหาในการออกแบบตัวการ์ด และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การที่ตัวการ์ด Voodoo5 6000 มีหน่วยความจำในตัวที่สูงถึง128Mb ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่สูงมากในขณะนั้น ผลกระทบที่ตามมาก็คือ ราคาจำหน่าย ของตัวการ์ดที่มาราคาสูงจนอยู่ในระดับที่น่ากลัว การ์ดตัวนี้ถูกกำหนดราคาคร่าวๆไว้ประมาณ 500-600 US$ ด้วยราคาดังกล่าวในเวลานั้น มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะซื้อหามาใช้งาน ตอกย้ำความยากลำบากอีกครั้งให้ 3dfx ด้วยการที่ตัวการ์ดมีความซับซ้อนในการผลิตสูง จากการประสบปัญหาในการผลิตที่ล่าช้านี้เองการ์ด Voodoo5 6000 จึงไม่สามารถต่อกรกับแผนการตลาดของ nVidia ที่ดูจะได้ดึงเอาความได้เปรียบนี้มาใช้อย่างเต็มที่ และเครื่องมือที่ nVidia เลือกใช้ในขณะนั้นก็คือการ์ด Geforce2 นั้นเอง


หนึ่งปีก่อนหน้านี้ 3dfx เปิดตัว Voodoo5 5500


15 เมษายน 2000 ในที่สุด 3dfx ก็สามารถเปิดตัวระบบเร่งความเร็วกราฟฟิก Voodoo5 5500 ที่ผู้ใช้รอคอยมาเป็นเวลานาน การ์ดรุ่นนี้น่าจะวางขายภายในวันที่ 15 เมษายน 2000 โดยแต่เดิมการ์ด Voodoo5 เตรียมที่จะคลอดในช่วงคริสต์มาสปี 1999 แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากเจอปัญหา เกียวกับการออกแบบขั้นสุดท้ายเพื่อให้การ์ดทำงานได้อย่างเต็มที



การ์ด Voodoo5 5500 มีชิป VSA-100 สองตัวทำงานพร้อมกัน โดยเมมโมรี SDRAM ความเร็ว 166Mhz จำนวน32Mb รองรับการทำงานของชิปแต่ละตัว ซึ่งรวมแล้วเท่ากับ 64Mb ชิปสองตัวช่วยสร้างภาพในแบบ Full-screen anti-aliasing(FSAA) ขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกของโลกโดยให้ภาพที่ขอบไม่มีรอยหยัก หรือปัญหาภาพเพี้ยนอื่นๆ เหมือนกับการ์ดรุ่นก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้การ์ดเร่งความเร็วภาพ 3D มีคุณภาพในการแสดงผลที่ดีกว่ามาก นอกจากนั้น FSAA ยีงคอมแพตทิเบิลกับเกมและแอพพลิเคชัน 3d รุ่นเก่าๆอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ได้รับผลประโยชน์ทันที

Bookmark บทความ : Zickr Kudd Duocore Techkr aJigg Oncake Lefthit Meetgamer Siamcollective TagToKnow Dunweb Digza
«»