เปิดตัว Microsoft Surface RT & Pro ครั้งแรกในไทย พร้อม Hands on preview : Page 1 (1/1)

Article by Northbridge On June 6, 2013 3,316 views
เปิดตัว Microsoft Surface RT & Pro ครั้งแรกในไทย พร้อม Hands on preview

 

...เมื่อ วันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวพร้อมเริ่มวางจำหน่าย Microsoft Surface RT และ Surface Pro ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นประเทศที่ 29 ในโลกที่ไมโครซอฟท์ได้วางจำหน่าย Surface อย่างเป็นทางการ และถือเป็นประเทศแรก ที่ได้ทำการเปิดตัว Surface RT และ Surface Pro อย่างพร้อมๆกันครับ บรรยากาศจะเป็นอย่างไร และตัว Surface จะน่าตื่นเต้นเพียงใด ลองมาชมกันครับ

มร. ฮาเรซ คูบจันตานิ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทไมโครซอฟท์ ประเทศไทย กล่าวต้อนรับและเกริ่นนำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในวันนี้

Surface ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์การค้า Terminal 21 โดย คุณซีซาร์ เซอร์ นูต้า ประธานไมโครซอฟท์ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค งานเปิดตัวนั้นได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากบุคคลทั่วไปที่เดินผ่านบริเวณ จัดงานครับ

โชว์เล็กๆน้อยๆในงานเปิดตัว

...หากกล่าว ถึง Microsoft Surface ผมเชื่อว่าหลายๆท่านที่ติดตามข่าวไอทีอยู่ตลอดก็คงจะทราบกัน เพราะว่ามีหลายๆประเทศที่ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวไปแล้วครับ Surface เป็นแท็บเล็ตวินโดวส์ 8 ที่ผลิตโดยไมโครซอฟท์ มีให้เลือกทั้งรุ่น Windows 8 RT (ใช้ซีพียูแบบ ARM) และ Windows 8 Pro (ใช้ Core i5) มาพร้อมกับหน้าจอมัลติทัชขนาด 10.1 นิ้ว ในฟอร์แมต 16:9 ความละเอียด 720P (1366x768)

 

Microsoft Surface RT

Microsoft Surface Pro

จากการที่ได้ไปฟังการบรรยายในงานเปิดตัวมา ก็พอจะสรุปได้ดังนี้ครับ

Surface RT เปรียบเสมือนแท็บเล็ตที่มีความสามารถในการทำงานได้เหมือนแล็ปท๊อป กล่าวคือ RT นั้นเป็นแท็บเล็ตในแพลตฟอร์ม ARM ซึ่งใช้ซีพียู NVIDIA Tegra 3 เหมือนๆกับแท็บเล็ตแบบที่เราคุ้นเคยกันในตลาดนั้นแหละครับ แบตเตอร์รี่สามารถใช้งานได้ยาวนานตามรูปแบบของสมาร์ทดีไวซ์สมัยนี้ (8ชั่วโมง) แต่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 8 RT ที่จะทำให้เราสามารถใช้งานฟีเจอร์เด็ดๆบนวินโดวส์ได้ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Office Home&Student 2013 ที่ preload ติดมาให้ในตัวเครื่อง RT เลย หรือ Onenote หรือไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นต่างๆใน Windows Store อีกมากมาย

ส่วน Surface Pro นั้นก็เปรียบเสมือนแล็ปท๊อป ที่สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวเหมือนแท็บเล็ต ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 8 งานอะไรก็ตามที่คุณเคยทำบนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี ไม่ว่าจะเป็นตัดต่อวีดีโอ แต่งภาพด้วย Lightroom, photoshop หรืออื่นๆ หรือจะเป็นงานเอกสารทั่วๆไป ก็สามารถทำได้บน Surface Pro ซึ่งใช้ขุมพลังเป็น Intel Core i5 กล่าวคือ แอพพลิเคชั่นอะไรที่เป็น .exe สามารถทำงานได้บนเจ้า Surface pro นั้นแหละครับ (แต่น่าเสียดายที่ไม่มี Office Home & Student 2013 preload ติดมาให้เหมือนตัว RT)

ภาย ในงานนี่ ผมก็พยายามจะหาทดลองเล่นทั้งตัว RT และ Pro แต่ดูเหมือนว่าทางไมโครซอฟท์ จะเน้นแสดงหนักไปทางตัว Pro เสียมากกว่าครับ สังเกตได้จากปริมาณเครื่องตัว Pro ในงาน

Surface ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับออพชั่นเป็น Keyboard Cover สองรูปแบบด้วยกัน รูปแบบแรกคือตามที่เห็นในภาพครับ เขาเรียกมันว่า "Touch Cover" มีให้เลือกเป็นสีฟ้า ดำ และขาว

Touch Cover ก็จะเป็นโคเวอร์ที่ดูบางๆ ผิวเหมือนผ้ากำมะหยี่ ซึ่งให้สัมผัสที่บางเบาชวนสัมผัสมากๆครับ

การ พิมพ์บน Touch Cover นั้นไมโครซอฟท์เคลมว่า มันให้ความรู้สึกที่ดีและถนัดมือกว่าการพิมพ์บนจอทัชสกรีน และนอกจากนี้ก็ยังมี Touch Pad ไว้สำหรับลากนิ้วเลื่อนเคอร์เซอร์และ Swipe ในท่าทางต่างๆได้อีกด้วย ซึ่งจากการที่ผมได้ทดลองหยิบๆจับๆดูก็พบว่า ผิวกำมะหยี่นั้นบอกได้เลยว่า เรียบหรูหรา และให้ความรู้สึกที่ดีมากครับ แต่บริเวณขอบๆนี่ก็จะเหมือนเป็นผ้าบางๆที่ก็น่ากลัวเหมือนกันว่าใช้ๆไปมันจะ ลุ่ย

สำหรับ การทดลองพิมพ์ ก็พบว่าการพิมพ์นั้นมันก็คือๆกันกับการทัชลงไปบนหน้าจอ แต่เป็นพื้นผิวผ้ากำมะหยี่ที่ดูน่าสัมผัสดีครับ ซึ่งเอาเข้าจริง การพิมพ์เร็วๆบนทัชโคเวอร์นี้ก็คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะมันต้องกดแบบมั่นๆ และใช้ความคุ้นชินสักหน่อยกว่าจะกดได้แม่นยำ ส่วนตัวทัชแพด บอกได้เลยว่า ตอบสนองได้ดีกว่าเครื่องของ Third Party vendor หลายๆเจ้ามากเลยทีเดียว ทั้งความเป็น linear และความแม่นยำ ตลอดจนรองรับการทำมัลติทัชด้วยครับ

ส่วน โคเวอร์อีกอันนึงก็คือ Type Cover ซึ่งจะมีความหนา 5 มิลลิเมตร ซึ่งก็หนากว่า Touch Cover ที่มีความหนาเพียง 3 มิลลิเมตรเท่านั้นครับ ความรู้สึกที่ได้สัมผัสนี่ก็จะเป็นเหมือนกับ ภายนอก สัมผัสจะคล้ายๆกับตัว Touch Cover คือเป็นผิวผ้ากำมะหยี่ และมีขอบนุ่มๆ ส่วนภายในเป็นวัสดั VapourMg (อ่านว่าเวเปอร์แมก) ให้ความรู้สึกแข็งแรงและหนักแน่นดีมากครับ

การ ใช้งานนั้น ทัชแพดมีอาการตอบสนองดีเหมือนๆกับตัว Touch ที่มีผิวเป็นผ้ากำมะหยี่ ส่วนคีย์บอร์ดตัว Type นั้นก็มีน้ำหนักการกดที่เบาสบายๆ แต่ให้ความรู้สึกมั่นคงและแม่นยำมาก และมีจังหวะการดีดที่เร็วเหมือนสปริง ให้ความรู้สึกคลิกๆๆ ดีมากๆ สังเกตตัวอย่างที่ผมพิมพ์จะเห็นได้เลยว่าผมพิมพ์ประโยคยาวกว่า คือมันพิมพ์ได้เร็วจริงๆครับ และแน่นอนว่า โคเวอร์คีย์บอร์ดทั้งสองรุ่นนี้ มาพร้อมกับสกรีนภาษาไทย สำหรับขายในประเทศไทยแล้วแน่นอน

 

ตัว ที่ผมถืออยู่ในมือนี้ก็คือ Surface Pro ซึ่งสังเกตได้ว่าจะมีขนาดค่อนข้างหนานะครับเนื่องด้วยแพลตฟอร์ม X86 ของมันที่ผมเข้าใจว่าคงจะทำให้บางไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว วัสดุที่ใช้นั้นไมโครซอฟท์เรียกมันว่า VapourMg (เวเปอร์แมก) เป็นแมกนีเซียมที่ผ่านกระบวนการหล่อพิเศษ ซึ่งจะสามารถทำให้มีความบางสุดได้เพียง 0.65มิลลิเมตรเท่านั้นเองครับ พอร์ตที่เห็นก็จะเป็น Mini Display port สำหรับต่อออกจอภายนอก

มา ดูอีกด้านหนึ่งก็จะเห็นปุ่มสำหรับปรับโวลุม เหมือนกับแท็บเล็ตทั่วไป ให้สัมผัสในการกดที่เป็นแบบคลิกๆที่ดีมาก แจ๊กหูฟังขนาด 3.5มิลลิเมตร และพอร์ต USB 3.0 ครับในตัว Pro

มา พร้อมกับ Kick Stand ที่สัมผัสขณะง้างมันออกมา ก็เรียกได้ว่า ค่อยๆดีดออกมาอย่างผู้ดี แข็งแรงและมั่นคง วัสดุนั้นก็เป็น VapourMg อีกเช่นเคยครับ ท่านอาจจะสังเกตเห็นขีดเล็กๆบริเวณขอบเครื่อง ตรงนั้นมีไว้สำหรับใส่การ์ด microSDXC สำหรับเพิ่มหน่วยความจำได้อีกด้วยครับ ซึ่งจริงๆแล้วตัว Pro ก็จะมาพร้อมกับรุ่นความจุ 64 และ 128GB ที่ยังไม่รวมการ์ด microSDXC ด้วยครับ

อย่าง ที่ได้ดูตารางสเป็คกันไปแล้วว่า Surface Pro ใช้ขุมพลังเป็น Intel Core i5 3317 และมีเมมโมรี 4GB ซึ่งสเป็คนั้นก็เรียกได้่ว่า เป็นเหมือนกับ Ultrabook ดีดีนี่เองล่ะครับ

และ เราลองมาดูตัว Surface RT ที่ใช้ขุมพลังเป็น NVIDIA Tegra 3 พร้อมแรมขนาด 2GB ซึ่งภาพรวมแล้วก็จะมีลักษณะที่เหมือนกับตัว Pro แทบจะทั้งหมดครับ

แต่ ว่าจุดต่างที่สังเกตได้ชัดคือ น้ำหนักที่เบากว่าถึงครึ่งปอนด์ (ตัว pro หนัก 2ปอนด์) และความบางที่เรียกได้ว่าดูแล้วก็กำลังดี ไม่ได้บางหรือหนาไป พอได้จับถนัดมือกว่าตัว Pro อยู่พอสมควร วัสดุ และดีไซน์โดยรวมๆก็แทบจะเหมือนๆกันเลยทีเดียว

ในตัว RT นั้นพอร์ตเชื่อมต่อในด้านที่เป็นปุ่มปรับโวลุม และแจ๊กหูฟัง จะไม่มีครับ จะไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ตัว พอร์ตด้านนี้ก็จะเป็น USB 2.0 และพอร์ตที่ไมโครซอฟท์เรียกมันว่า HD Video out port ซึ่งสืบๆข้อมูลไปก็พบว่ามันคือพอร์ต micro HDMI ธรรมดาๆนั้นเองครับ และก็ยังคงมี MicroSDXC slot มาให้เหมือนกับตัว Pro มีวางจำหน่ายในความจุ 32 และ 64GB ครับ

ซี พียูก็แสดงเป็น Tegra 3 Quadcore พร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows RT 32bit แตกต่างจากตัว Pro อย่างชัดเจน และนอกจากนี้จอทัชในตัว RT นั้นยังคงเป็นเพียงจอ 5 จุดสัมผัส ไม่ใช่ 10 จุด แบบในตัว Pro อีกด้วยครับ

โชว์ Touch Cover ใช้งานเป็นฝาเปิด และพับสำหรับใช้งานทั่วไป ให้ความรู้สึกเหมือนเปิดหนังสืออ่านเลยทีเดียวครับ ซึ่งการใช้งานเนี่ย หากเราพับฝามันอยู่ในตำแหน่งแบบในรูปแล้ว ตัวทัชแพด และทัชคีย์บอร์ดบนตัวโคเวอร์ จะไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อป้องกันการเผลอกดไปโดนโดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างใช้งานครับ

แวะ มาดู Touch Cover ผาดโผน เนื่องจากยึดด้วยแรงแม่เหล็ก ซึ่งก็ทนรับแรงดึงได้ในระดับหนึ่ง จึงไม่หลุดหล่นง่าย แบบที่ได้แสดงให้ดูดังภาพครับ

น้องทับทิม มัลลิกา หลีกภัย พิธีกรรายการสุดฮอต วีอาร์โซ  ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นเสมือนตัวแทนภาพลักษณ์ของ Surface RT

 กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด ที่ควงคู่มากับภรรยาสุดสวย ต่าย ชุติมา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นเสมือนตัวแทนภาพลักษณ์ของ Surface Pro ที่เน้นการทำงานและสามารถ Work & Play ได้เต็มที่

.

สรุปราคาเปิดตัว Surface RT และ Pro

 

Surface RT ราคา Surface Pro  ราคา
Surface RT 32 GB (เฉพาะตัวเครื่อง) 16,500 บาท

Surface Pro 64 GB (เฉพาะตัวเครื่อง)

28,500 บาท
Surface RT 64 GB   (เฉพาะตัวเครื่อง) 19,500 บาท

Surface Pro 128 GB (เฉพาะตัวเครื่อง)

31,500 บาท
Surface RT 32 GB Bundle
(พร้อม Touch Cover สีดำ)
19,500 บาท    

Surface RT 64 GB Bundle
(พร้อม Touch Cover สีดำ)

22,500 บาท    

 

 

ส่งท้าย

...ทั้ง Surface RT และ Pro ผมคิดว่าเข้ามาขายบ้านเราช้าไปสักนิดหนึ่ง ในขณะที่ผู้ผลิต Third Party ต่างๆก็พากันขนทั้งแท็บเล็ต โน๊ตบุ๊กลูกผสมต่างๆนาๆ มาเปิดตลาดในบ้านเรากันไปก่อนแล้วครับ แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา เพราะว่าการมาในครั้งนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นการมาตั้งมาตรฐานคุณภาพของพวกลูก ผสมโน๊ตบุ๊ก+แท็บเล็ต เพราะเท่าที่ได้ลองสัมผัส ก็บอกได้เลยว่าคุณภาพเนื้องานนั้นก็ทำออกมาได้ดี ดีมากกว่า Third Party vendor หลายๆเจ้าที่ทำเครื่อง Tablet Windows 8 ขายอยู่ตอนนี้เสียอีกครับ ราคาเปิดมา สำหรับ Surface Pro นั้นอาจจะดูสูงๆถ้ามองมันเป็นแค่แท็บเล็ต แต่ถ้าหากลองเปิดใจและนึกดูเอาว่ามันคือโน๊ตบุ๊ก ที่ผนวกเอาการทำงานที่คล่องตัวของแท็บเล็ตมาไว้ในตัว ผมคิดว่าราคาระดับสามหมื่นบาทนี้ ก็เปรียบได้กับการซื้ออัลตราบุคสักเครื่องหนึ่งนั้นแหละครับ มันทำงานได้แบบนั้นจริงๆ