ถ่ายรูปยังงัย ให้น่าดู (ตอนที่2)
เอ้าๆ มาพบกันอีกครั้งกั้บป๋ม กับบทความตอนที่สองเต็มๆแล้วน่ะครับ เกี่ยวกับการถ่ายภาพ หืมๆ มาถีงคราวนี้ก็คงจะตามคำเรียกร้องครับ มาในเรื่องการแอบถ่าย เอ้ยยยย การถ่ายภาพเบื้องต้น การจัดมุมกล้องแบบง่ายๆ และการถ่ายรูปบุคคลกั้บ อิอิฟังดู เหมือนจะง่าย และง่ายมากๆนะครับ แต่ผม ใส่เทคนิคลูกเล่นให้ได้ชมกันด้วย เชิญชมกันได้ ณ บัดนี้เลยก๊าบ
เกริ่นซะนาน กานซะเนิ่น จะพูดว่าไรต่อไปอีกหว่า เหอๆ เริ่มฝืดครับ นึกมุขไม่ออกแว้ว เหอะๆ
เอาหล่ะไม่รุ้จะเริ่มยังไง ก็ขอเริ่มด้วยรูป กันดีกว่าครับ (เหมือนเดิมๆ)

อิอิ พอจะเริ่มได้แล้วกั้บ เอิ้กๆๆ ต้องมีแรงบรรดาลใจ (ศิลป์จัดว่างั้น) เอิ้กๆๆๆๆ
เอ้าๆๆๆ นอกเรือ่งซะนานมาเข้าเรื่องที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ก่อนดีกว่าครับ
คือลักษณะในการถ่ายภาพในปัจจุบันมันมีเยอะมาก ตามแต่เราจะแยก ขอไม่แยกก็แล้วกัน แต่ผมจะพูดถึงการถ่ายภาพ ในโอกาศ และสภาพแวดล้อมต่างๆ ว่าเราควรที่จะตั้งค่ากล้องอย่างไร อาจจะมีแถมๆ เทคนิคการสร้างภาพสวยๆ หรือภาพศิลป์ต่างๆนาๆ อะไรก็ว่าไป แต่ตอนนี้ ขอ ใว้ก่อนก็แล้วกันน่ะครับ สำหรับบทความนี้ ก็จะพูดถึงเรือ่งการถ่ายภาพ บุคคล หรือ Portrait และการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์กั้บ บวกกับการจัดมุมกล้องให้ภาพออกมาดูดี เล็กๆน้อยๆ อิอิ
เอ้า เริ่มแบบไหนกันก่อนดีหว่า อื้ม เอางี้ เริ่มด้วยการถ่ายภาพพื้นๆ ง่ายๆก่อนเลยก็แล้วกันน่ะครับ
-ก่อนที่ถ่ายภาพ เราควรคำนึงถึง
1. สภาพของแสงในขณะนั้น มืด สว่างแค่ไหน มีโทนสีของแสงเป็นแบบไหน
2. จุดเด่นของภาพ เราจะถ่ายอะไร หรือจะถ่ายวิว ก็ควรที่จะเรียนรู้การจัดมุมกล้องให้ดี
3. โหมดที่เราใช้ถ่าย เหมาะสมกับสภาพแสง และสิ่งที่เราจะถ่ายแล้วหรือยัง
อันนี้เป็น ปัจจัยหลักๆ ในการที่เราจะถ่ายรูป อย่างมีหลักครับ ไม่ใช่ มาถึง สักๆแต่ว่ากดชัตเตอร์ถ่ายๆๆๆๆๆๆๆ สักแต่ว่ามีรูปเป็นพอ อันนั้นก็ไม่ต้องมาอ่านบทความผมครับ อิอิ ไม่มีประโยชน์
-ทำความเข้าใจ ค่าต่างๆที่เรารู้มา สัมพันธ์กับการถ่ายอย่างไร
1. ค่า F หรือค่ารูรับแสง ค่านี้ อย่างที่เคยอธิบายไปแล้ว ว่ายิ่งมาก รูรับแสงก็จะยิ่งแคบ ถ้าค่าน้อย รูรับแสงก็จะเปิดกว้าง
ให้จำใว้ด้วยว่า F มากชัดลึก F น้อย ชัดตื้น
กล่าวคือ ค่า F มาก ระยะชัดที่ได้ ก็จะยาวออกไปมากกว่า ค่า F ที่น้อย ซึ่งความชัด ก็จะชัดแค่บริเวณที่เราโฟกัสเท่านั้น
2. ค่าความเร็วชัตเตอร์
ค่านี้ อย่างที่เคยอธิบายไปแล้ว ว่ามันคือ เวลาที่เปิดม่านชัตเตอร์ นอกจากนี้ ค่าความเร็วชัตเตอร์ ยังสามารถช่วยชดเชยแสงได้อีกด้วย ยิ่งเปิดใว้นาน แสงก็จะเข้ามาก แต่โอกาศที่ภาพจะสั่นไหว ก็มีมากยิ่งขึ้น
-ถ่ายรูป เบื้องต้น ง่าย เพียงนับ 1-5
1. เปิดกล้อง
2. เลือกโหมดการถ่ายภาพ
ทีนี้ ลักษณะในการเลือกโหมดถ่ายภาพเนี้ย ผมอยากจะขอแทรกใว้ตรงนี้เลยก็แล้วกันครับ
ถ้าหากจะถ่ายแบบนับ 1-5 ผมขอแนะนำให้ท่านทั้งหลาย ใช้โหมด DSP ในการถ่ายครับ เพราะกล้อง จะทำการคอนฟิกค่าที่สำคัญๆให้เราเกือบหมดแล้ว โหมด DSP เท่าที่เห็นๆในกล้อง ก็มีอยู่ด้วยกัน 5โหมดครับ ได้แก่
2.1 Auto โหมดนี้ ในกล้องส่วนใหญ่ จะทำการวิเคราะสภาพแสง และวัตถุที่เราต้องการถ่าย แล้วโปรแกรมกล้อง จะไปทำการเลือกโหมด DSP อื่นๆ ที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพ
2.2 โหมด Portrait โหมดนี้ จะเป็นโหมดสำหรับถ่ายภาพบุคคล โดยการคอนฟิกค่าส่วนใหญ่ จะเป็นออโต้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น White Balance ISO หรือค่า F และ ความเร็วชัตเตอร์ แต่จะเสริมนิดนึง เพราะว่า การถ่ายภาพ Portrait ที่ดี ต้องให้นาย/นางแบบ เป็นจุดเด่นเสมอ ไม่ควรเน้นฉากหลังมาก ดังนั้น การถ่ายภาพ Portrait คือต้องการให้ หน้าชัด หลังมัว ดังนั้น โปรเกรม จะพยายามใช้ค่า F หรือรูรับแสง ที่กว้างที่สุด(ค่าน้อยที่สุด) ซึ่งจะมีผลทำให้ ระยะชัดลึก สั้นลงมามากที่สุด และทำการปรับค่า ความเร็วชัตเตอร์ตามสภาพแสง
2.3 โหมดสำหรับถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ ลักษณะการตั้งค่าส่วนใหญ่จะเป็นออโต้ โดยจะพยายาม ตั้งค่า F ให้สูงมากที่สุด(รูรับแสงแคบ) เพื่อภาพที่ได้ จะได้เป็นภาพที่มีระยะชัดลึก กว่าภาพถ่ายบุคคล และจะทำการปรับ Shutter speed สัมพันธ์กับค่ารูรับแสงอีกทีนึง ด้วยระบบวัดแสงในตัวกล้อง นอกจากนี้กล้องจะไม่ทำการเปิดแฟลชในโหมดนี้ (เพราะอะไรเดี้ยวรู้กันตอนหลัง อิอิ)
2.4 โหมดถ่ายภาพกีฬา โหมดนี้ โดยปกติ กล้องจะทำการเปลี่ยนระบบการโฟกัส เป็นแบบ Full Time AF คือ ตราบใดที่เรายังไม่ปล่อยมือออกจากชัตเตอร์(ในจังหวะที่1) มันก็จะทำการหาจุดโฟกัสใหม่ๆอยู่เรื่อยๆไป และ กล้องจะพยายามเลือกค่าความเร็วชัตเตอร์ที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเป็นการหยุดภาพคนกำลังเคลื่อนไหวได้ และค่าอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็น Auto หมด ไม่มีการฟิกซ์ค่าอะไรนอกจากนี้
2.5 โหมดถ่ายภาพ พระอาทิตย์ตก โหมดนี้ จะทำการปรับค่า White Balance ให้รับกับแสงพระอาทิตย์ แต่ข้อควรระวังของนักถ่ายภาพทั้งหลายก็คือ อย่าให้กล้อง ถูกแสงอาทิตย์ในตอนที่แดดจัดๆ ส่องเข้ามาเป็นเวลานานๆ เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายต่อเซ็นเซอร์รับภาพของกล้องคุณได้
3. ล็อกโฟกัส
ในขั่นตอนนี้ กล้องจะทำการหาโฟกัส และล็อกโฟกัสเอาใว้ และทำการคำนวนแสง เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจ ไฟ บริเวณช่องมองภาพ ก็จะปรากฏเป็นสีเขียว หรือ บนจอ LCD ของเรา ก็จะปรากฏ รูปอะไรสักอย่างที่ทำให้เรารู้ว่า มันหาโฟกัสเจอแล้ว (แล้วแต่รุ่นแล้วแต่ยีห้อ ศึกษาจากคู่มือเอาครับ)
Tips อิอิ เสริมๆ ในกรณีที่เราไม่สามารถหาโฟกัสเจอได้ใน สภาพแสงแบบนึง หรือ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ให้สันิศฐานใว้ก่อนเลย ว่ากรณีแรก "มันใกล้เกินไปมั้ย" ถ้าใกล้เกินไป ก็ให้เปลี่ยนมายังโหมด มาโคร เพื่อโฟกัส แต่ถ้า มันยังหาไม่เจออีก ก็ให้ลองกระเถิบออกมาสักนิด
หรือ ถ้าเกิดว่ามันไม่ได้จริงๆ สันนิษฐานได้อีกกรณีนึง ว่า สภาพแสงอยู่ในช่วงที่กล้อง ไม่สามารถหาโฟกัสได้ ให้เราทำการ ย้ายวัตถุที่ต้องการโฟกัส (ให้ระยะมันใกล้ๆกันหน่อยนะ) ไปล็อกโฟกัสที่วัตถุนั้น แล้ว ย้ายกลับมาเล็งสิ่งที่ต้องการถ่ายอีกรอบนึง แล้วถึงค่อยกดถ่าย
หรือแก้ปัญหามันง่ายๆ คือการใช้ Manual Fucus ซะเลย ในกรณีที่สภาพแสงแย่มากๆ มันอาจจะต้องการการปรับตั้งค่าที่ละเอียดกว่านี้ ใว้ผมจะพูดทีหลังก็แล้วกัน
4. กดลงถ่ายจริงๆได้เลย
5. ดูรูปว่าพอใจมั้ย ถ้าไม่พอใจ ย้อนกลับไปตอนที่ 1 ไปพินิจพิจารณาใหม่ อิอิ
การจัดมุมกล้อง เรื่องลึกแต่ไม่ลับ
เรื่องการจัดมุมกล้อง เป็นอะไรที่มันพูดยากเหมือนกันน่ะครับ เพราะต่างคนก็ต่างมีลูกเล่นในการวางวัตถุแตกต่างกันออกไป ผมจะพูดแต่ภาพรวมเลยก็แล้วกันนะครับ
ถ่ายรูป ถ้าจะเอาให้ดูดี ไม่เน้นลูกเล่นมาก ย้ำ ไม่เน้นลูกเล่น
กฏสามส่วน (Rule Of tird)
เป็นวิธีการจัดมุมกล้องที่ค่อนข้างง่ายที่สุด เป็นลักษณะการจัดมุมกล้อง ที่ต้องการสือถึง จุดเด่นในภาพ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพ กล่าวคือ นอกจากที่เราจะทำให้ผู้ที่ดูภาพ เห็นวัตถุหลักที่เราถ่ายแล้ว จะสามารถสื่อถึงสภาพแวดล้อม หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ลักษณะการจัดมุมกล้อง จะเป็นการขีดเส้นทั้งหมด 4 เส้นลงบนภาพที่เราจะถ่าย ดังรูป

เหมือนตาราง O-X ครับ แล้วให้วัตถุที่ต้องการถ่าย อยู่ตรงบริเวณที่ตัดกัน หรือ ตรงช่องไปเลย
จัดองค์ประกอบของภาพ ด้วยการซูม
บางทีบางครั้งเราไม่ต้องการอะไรบางอย่างที่แวดล้อมอยู่ เราสามารถตัดมันออกไปได้ด้วยการซูมเข้าไป ยกตัวอย่างเช่นรูปนี้

รูป ที่ถ่ายโดยไม่ได้จัดองค์ประกอบ

รูปที่ถูกจัดองค์ประกอบด้วยการซูม
น้ำหนักของภาพ สิ่งที่ไม่ควรมองภาพ
เวลาที่เราถ่ายภาพ ควรนึกใว้ในใจเสมอ ว่า รูปทั้งรูปต้องมีควาสมดุลย์กัน เพื่อที่จะไม่ให้เกิดอาการที่ว่า รูปจะหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ดังเช่นรูปนี้

สังเกตดูว่า รูปนี้ จะมีลักษณะการจัดมุมกล้องผิด เพราะรูปที่ออกมา หนักขวามากเกินไป อาการแบบนี้เกิดจากผู้ถ่าย ลุกลี้ลุกลนมากเกินไป และคิดว่าการให้นางแบบอยู่มุมกล้อง จะออกมาสวย แต่มิได้คำนึงถึงน้ำหนักของรูป ทางที่ดี ควรจะให้นางแบบ มาอยู่ตรงกลางของรูป ถ้าจะถ่ายหน้า ก็เอาให้ดู บีบๆอัดๆ ในรูป ดังรูปนี้เลยจะออกมาดูดีกว่า

มันอึดอัดมากไปไงน้อง ถึงต้องมาอัดกันหน้ากล้องเนี้ย หุหุ
ภาพนี้ คนสองคนนี้ เค้าไมได้ตั้งใจจะมาอัดกันหน้ากล้องหรอกครับ แต่ได้อานิสงส์จากการซูม ในการจุดองค์ประกอบของภาพ ทำให้ได้อารมณ์มากกว่าภาพ Portrait แบบธรรมดาๆกว่าเยอะเลย
นอกจากนี้การจัดองค์ประกอบของภาพ ยังมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปอีกมากมาย เช่น การถ่ายภาพบุคคล ก็มีวิธีการจัดองค์ประกอบของภาพไปอีกแบบหนึ่ง ถ่ายรูป วิว ก็แยกออกไปเป็นอีกแบบนึง ซึ่งรายละเอียดค่อนข้างมาก ผมจะทยอยลงลึกให้ทีหลังเลยก็แล้วกัน อันนี้เอาคร่าวๆก่อนก็แล้วกันฮับ
เสริมกันอีกนิด เรื่องค่า ความเร็วชัตเตอร์
ในบางกรณี บางครั้ง ความเร็วชัตเตอร์สูงต่ำ ก็มีผลต่อความน่าสนใจของภาพเช่นกัน ดังตัวอย่าง
ภาพที่ต้องการความเร็วชัตเตอร์ต่ำ อันได้แก ภาพพวกสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ เช่น พัดลม น้ำตก หรือ อื่นๆ ภาพพวกนี้ ไม่ต้องการให้อะไรไปหยุดมันทำให้รู้สึกเสียอารมณ์ เพราะฉะนั้น เวลาถ่ายภาพพวกนี้ ควรพึงระลึกใว้เสมอ ว่า ค่า ความเร็วชัตเตอร์ ควรจะไล่เลี่ยๆอยู่ที่ 1/10 1/8 ขึ้นไปเลยครับ หรือบางที ภาพตอนกลางคืน ที่เราจะเห็นเป็นแสงลากยาวๆ นั้นเค้าก็ใช้ความเร็วชัตเตอร์แบบ T ครับ คือ กดชัตเตอร์ค้างใว้ มันก็จะเปิดม่านชัตเตอร์ จนกว่าเราจะยกนิ้วออกจากมัน

บางที วัตถุที่เคลื่อนไหวอยู่ ก็ไม่ต้องการการหยุดนิ่ง ปล่อยให้มันไหล ไป ให้ลอยลงสู่ทะเล (น้ำเน่าและๆ) อย่างรูปนี้นะครับ ใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/3 F2.8 ครับ ในโหมด S คือปรับความเร็วชัตเตอร์ด้วยมือ

ขณะรถวิ่ง ใช้ความเร็วชัตเตอร์ ต่ำ (พอควรพอ) สร้างอารมณ์เหมือนกำลังวิ่งไปหา ได้เหมือนกัน อ้อ เกือบลืม รูปนี้ ใช้ความเร็วชัตเตอร์ 1/10 F4.0 ครับป๋ม ในโหมด M

ภาพที่มืด สามารถทำให้สว่างได้ ด้วยการตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ให้ต่ำๆ เพื่อจะได้รับแสงเข้ามามากๆ แต่เราต้องการเปิดรูรับแสงให้แคบลง เพราะถ่ายรูปวิว ต้องการระยะชัดลึก ก็เลยทำการ ตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ใว้ที่ 1วินาที่ และ ค่า F 4.5 ด้วยโหมดเมนวล
(ในการถ่ายภาพแบบนี้ ผู้ถ่ายต้องมีความนิ่งสูงมาก เนื่องจากม่านชัตเตอร์ เปิดเป็นเวลานาน อาจจะทำให้ภาพสั่นไหวได้ ถ้าสังเกตุกันดีดี ภาพนี้ก็มีไหวๆอยูเหมือนกันครับ เพราะผมมือไม่นิ่ง แต่ถ้าทางที่ดี ใช้ขาตั้งกล้อง เวริคที่สุดครับ)
ถ่ายภาพ ที่กำลังเคลื่อนไหว ด้วยความเร็วชัตเตอร์ ต่ำ

โฟกัสตรงกลาง เลื่อนกล้องตามวัตถุ ขณะที่ม่านชัตเตอร์เปิด จะทำให้ได้อารมณ์แปลกๆเหมือนกัน อิอิ

การใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงๆในการหยุดภาพที่กำลังเคลื่อนไหวตลอดเวลา (ภาพจากโหมด DSP Sport mode)
Depth of Field ความลึก และตื้น ของระยะชัด
ขอพูดกันอีกทีนะครับ เพื่อสะดวกในการยกตัวอย่าง ค่า ความลึก และตื้นของระยะชัด ขึ้นอยู่กับ
ทางยาวโฟกัสเลนซ์ : เลนซ์Wide โดยปกติ จะมีทางยาวโฟกัส มากกว่า เลนซ์ Tele เป็นเรื่องปกติ (ทางยาวมาก ชัดลึก)
รูรับแสง : ยิ่งรูรับแสงแคบเท่าไหร่ (F มากๆ) ก็จะยิ่งชัดลึกมากเท่านั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้ารูรับแสง กว้างมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ มีระยะชัดลึกที่น้อยลงมา กล่าวคือ ระยะชัด ตื้นกว่า รูรับแสงกว้างๆนั้นเอง
ระยะห่างระหว่างเลนซ์ กับวัตถุ : ยิ่งใกล่ชิดกับเลน มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมี ระยะชัด น้อยลงเท่านั้น(ชัดลึกน้อยลง) ดังตัวอย่างรูป

ถ่ายด้วย ระบบ Manual Fucus ตั้งใว้สั้นที่สุด (10MM) ของกล้องที่สามารถทำได้ จึงทำให้ บริเวณหลัง มัวไปหมด
ปัญหา กล้องโฟกัสผิด
พบได้บ่อย ในกล้อง อัตโนมัติ หรือพวกกล้องคอมเพค โดยจะไปโฟกัสที่บริเวณหลังภาพ ซึ่ง กล้องระดับ Prosumer บางตัวก็มีปัญหา แต่สภาพแสงอย่างงี้ส่วนใหญ่ โฟกัสยากครับ ยกตัวอย่างเช่นรูปนี้ครับ

อันนี้จะเป็นรูปของประธานสีม่วงตอนลุกขึ้นยืนแนะนำตัวในงานมีตติ้ง แต่ว่า ระบบ AF มันเอ๋อ ดันไปโฟกัสหลังท่านประธานสีม่วง เพราะว่า แสงที่มีมากกว่าภายในร้านซิสเลอร์(มันไปเห็นดีเห็นงามกับคนอื่น) เหอะๆ จึงทำให้ท่านประธานสีม่วงของเรา เป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามไปทันที

รูปนี้ ก็เกิดจากการโฟกัสผิดเช่นกัน เกิดจากการที่ไม่ได้ใช้โหมดมาโคร ในการถ่ายภาพระยะประชิด จึงทำให้กล้องไปโฟกัสที่หน้าคนแทน (มันทะแม่งๆจริงๆนะเนี้ย หุหุ)
ในกรณีนี้แก้ไขได้โดย การใช้ Manual Fucus เข้าช่วยครับ หรือ ถ้ากล้องท่านไม่มีเมนวลโฟกัส ก็ให้ทำการ หาวัตถุที่มีระยะห่างใกล้เคียงกัน โฟกัสซะก่อน แล้วย้ายตำแหน่งภาพมาที่ประธานสีม่วง แล้วถึงจะกดถ่ายได้ครับ
เสริมอีกนิด เรื่องระบบวัดแสง
ระบบวัดแสงในกล้องดิจิทัลในปัจจุบัน มีอยู่สามแบบ
1. เฉลี่ยหนักกลาง ระบบนี้ กล้องจะวัดแสงเฉลี่ยนหนักกลางเป็นส่วนใหญ่
2. เฉลี่ยทั้งภาพ แบบนี้ กล้องจะวัดแสงทั้งหมด หลายๆจุด(เกือบทั้งภาพ) แล้วเอาค่ามาประมวลผลอีกที ว่าควรจะปรับตั้ง่ค่าแบบไหนบ้าง
3. วัดแสงเฉพาะจุด ระบบนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มชำนาญ และตัดสินได้แล้วว่า ควรจะวัดแสงที่ไหน ภาพถึงจะออกมาดูดี
การถ่ายภาพบุคคล
การถ่ายภาพบุคคล ส่วนใหญ่ก็อิงจากหลักการถ่ายภาพพื้นฐานเกือบทั้งหมดครับ แต่ถ้าจะให้เห็นกันชัดๆ คงจะเป็นหลัก หน้าชัด หลังมัว ครับ ที่เห็นได้ชัด อืมๆ จะมี เทคนิคหรือหลักอะไรบ้าง ลองมาดูกันครับ
อันนี้ ที่ผมจะให้ดู คือเรื่องของน้ำหนักภาพครับ ภาพนี้มีการเฉลี่ยน้ำหนัก อย่างที่กฏการเฉลี่ยนน้ำหนักบอกเอาใว้ ว่าให้ดึงความน่าสนใจ ให้พอทั่วถึงทั้งภาพ

เฮ้ยๆ ไอ้คนหน้าอ่ะ เดี้ยวเจอตีน เอิ้กๆๆๆๆ (ตีนกุอยู่หน้าเอ็งอ่ะ มีไรมะ เอิ้กๆๆๆ)

ภาพนี้ ให้นางแบบ อยู่ตรงกลางของภาพ ในกรณีที่ไม่มีอะไรที่จะมาถ่วง แต่ได้มีการเก็บรายละเอียดต่างๆในรูป (ฉาก) ด้านหลังมาด้วย กล่าวคือ การถ่ายรูปบุคคล ไม่จำเป็นต้อง หน้าชัด หลังเบลอเสมอไป ถ้าเจอสถานการแบบนี้ ก็อาจจะให้เห็นบ้าง แต่ถ้า ถ่ายเข้ามาตรงๆ แล้วให้เห็นด้านหลังด้วย มันก็คงทะแม่งๆ ใช่มัย้ครับ

ภาพอาจดูเด่นได้ ด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ทำให้ด้านหลังที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ แต่ด้านหน้าเรา ก็หยุดนิ่ง และค่า F ต่ำๆ
แต่ที่สำคัญ นางแบบ/นายแบบ ต้องอยู่ตรงกลางภาพ ถ้า ไม่มีลักษณะการ ถ่ายเทน้ำหนักของภาพ มิฉะนั้น ภาพจะออกมาขาดๆเกินๆทันที

ภาพที่เป็นธรรมชาติ ของคนเรา ก็สร้างความน่าสนใจได้ไม่แพ้กัน
เทคนิคเล็กๆน้อยๆ
เวลาที่คุณจะถ่าย สมมุตว่านางแบบนั่งนิ่ง และคุณกำลังนับ 1 - 3 คุณอาจจะแกล้งทำนับเลย เป็น 5 6 7 ช่วงเวลานั้น นางแบบส่วนใหญ่จะหัวเราะ ให้คุณทำการถ่ายในช่วงที่เขากำลังหัวเราะ เป็นเทคนิคที่ทำให้ได้รูปที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
หรือจะไปแอบถ่ายเขาก็ได้นะครับ แต่ว่า ระวังกันหน่อย เพราะบางที แอบถ่าย เฉยๆ อาจไม่มีอะไร แต่ถ้าเกิดว่าเป็นเรือ่งเสียๆหายๆ บางทีก็แย่เหมือนกันครับ

ตัวอย่างครับ (นับเกินๆ) อิอิ
บางที บางอิริยาบท ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน (โดยเฉพาะเวลาที่เขากำลังอู้งาน)

ขอเซ็นเซอร์หน้าน่ะครับ อิอิ

ทีเผลอ อิอิ ได้ภาพที่เป็นธรรมชาติ
เอ้าๆๆๆๆ พอก่อนดีกว่า เดี้ยวจะยืดยาวไปกว่านี้อีก อิอิ ตอนนี้ก็เวลา ตี 1 กับอีก 12นาทีครับ ขณะที่ผมกำลังขะเอาขึ้น เอิ้กๆๆ สรุปก็คือ วันนี้ที่เรามาอ่านบทความผม ก็ได้ความรู้เรื่องต่างๆมากมายเกี่ยวกับการถ่ายภาพลงสนามจริง ในตอนหน้า จะมาต่อเรือ่งการถ่ายภาพแบบอื่นๆอีกนะครับ และที่สำคัญ ไม่พลาดแน่ๆ เรื่องถ่ายมาโคร ขอเอาแบบพื้นๆให้จบกันก่อนก็แล้วกัน เดี้ยวมาต่อให้แน่ๆ อิอิ
สำหรับวันนี้ก็คงพอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน (คึกมากไปแล้วน็อต) ใว้โอกาศหน้าเรามาเจอกันใหม่อีกนะครับ(มุขนี้ใช้ตั้งแต่บทแรกแล้ว) หุหุ
ขอเชิญร่วมวิจารย์บทความนี้ ด้วยการ คลิ้กที่นี่

