ASUS เปิดตัว ROG RAIDR Express SSD มาตรฐานใหม่สำหรับการเก็บข้อมูล

ASUS เปิดตัว ROG RAIDR Express SSD มาตรฐานใหม่สำหรับการเก็บข้อมูล

ที่เก็บข้อมูลความเร็วสูงแบบ SSD บนแพลตฟอร์ม PCI-e ตัวแรกของโลกที่ใช้งานร่วมกับไบออสได้ทั้งแบบมาตรฐานและแบบ UEFI ให้ความเร็วในการบันทึกและเข้าถึงข้อมูลที่น่าทึ่ง และใช้งานได้ทนทานยิ่งกว่า

ไทเป ไต้หวัน –ASUS ROG ประกาศเปิดตัว RAIDR Express ซึ่งเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SSD ที่ทำงานบนพอร์ท PCI Express ตัวแรกในโลกที่มาพร้อมฟีเจอร์ DuoMode ที่สามารถทำงานร่วมกับไบออสรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ที่เป็น UEFI เจาะกลุ่มนักเล่นเกมส์แบบฮาร์ดคอร์และผู้ใช้งานพีซีที่ต้องการความเร็วในการโหลดข้อมูลมากขึ้น และการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เสถียรกว่าเดิม โดย RAIDR Express ได้รวมเอาความเข้ากันได้ในการใช้งานที่ดีที่สุด ร่วมกับประสิทธิภาพขั้นสุดยอด และความทนทานที่เหลือเชื่อไว้ด้วยกัน

.

ด้วยความจุ 240GB และความเร็วการอ่านข้อมูลที่ 830MB/s และเขียนข้อมูลที่ 810MB/s มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมายที่คอยช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานที่ความเร็วสูงและเพิ่มอายุการใช้งาน RAIDR Express ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับผู้ต้องการความเร็วในการโหลดข้อมูลให้ถึงขีดสุดโดยเฉพาะ เพิ่มความดุดันขึ้นอีกด้วยดีไซน์สีแดงตัดดำพร้อมเคสโลหะป้องกันทั้งสองฝั่งตามแบบฉบับเฉพาะของ ROG ผนวกกับอายุการใช้งานเฉลี่ย (MTBF) ที่ยาวนานอย่างเหลือเชื่อถึง 620,000 ชั่วโมง โดยที่คุณภาพและความเร็วไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย ถือว่า RAIDR Express ถูกสร้างขึ้นมาให้คงทนถาวรอย่างแท้จริง

.

ดีไซน์โฉบเฉี่ยวที่มาพร้อมความยืดหยุ่นระดับสุดยอด

RAIDR Express ไม่เหมือน SSD ตัวอื่น ๆ ในตลาด แต่เป็น SSD ตัวแรกและตัวเดียวของโลกที่ทำงานบน PCI-e ที่พร้อมรองรับ BIOS แบบ DuoMode ด้วยชิปไบออสทั้งคู่แบบออนบอร์ด โดย RAIDR Express จะมีสวิตช์ที่สำหรับให้ผู้ใช้เลือกปรับโหมดไบออสระหว่างแบบเก่ากับแบบใหม่ที่เป็น UEFI ได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าให้ความหลากหลายและง่ายต่อการใช้งานที่ดีที่สุดกับพีซีทั้งรุ่นเก่าและใหม่

.

ในโหมดไบออสรุ่นเก่า RAIDR Express สามารถนำไปใช้กับเมนบอร์ดรุ่นเก่าที่ใช้ไบออสแบบเดิม (non-UEFI) ได้ หรือถ้าสับสวิตช์เปลี่ยนมาใช้โหมด UEFI ก็สามารถเร่งความเร็วในการบูทวินโดว์อย่างเห็นได้ชัด จากความยืดหยุ่นในการเลือกโหมดที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ดึงประโยชน์จากการใช้งานทั้งสองโหมดได้เป็นอย่างดี

.

สร้างขึ้นสำหรับผู้ชื่นชอบความเร็วโดยเฉพาะ

ด้วยคอนโทรลเลอร์แบบดูอัล LSI® SandForce รุ่นใหม่ล่าสุด แฟลช 16K-page size multi-level cell (MLC) sync-NAND ขนาด 19nm ของโตชิบ้า จำนวน Input/Output ในการเขียนหรืออ่านข้อมูลขนาด 4K ต่อวินาที (IOPS) ที่ 100,000 รวมถึงความเร็วการเขียนและอ่านข้อมูลที่ 830 และ 810MB/s ตามลำดับ ทำให้ผู้ใช้RAIDR Express แทบไม่ต้องรอเวลาในการโหลดข้อมูลเลยแม้แต่น้อย

.

นอกจากนี้ RAIDR Express ยังมีฟีเจอร์ที่เร่งความเร็วเพิ่มได้อีกมากมาย ด้วยยูทิลิตี้ RAMDisk ที่มาพร้อมกันช่วยให้ผู้ใช้กันพื้นที่แรมในคอมพิวเตอร์กว่า 80% เพื่อมาใช้เป็น Virtual Drive ความเร็วสูงสำหรับโหลดแอพพลิเคชั่นและเกมส์ที่ชื่นชอบ ซึ่งจากการทดสอบของ ASUS เองสามารถเพิ่มความเร็วการอ่านข้อมูลได้มากถึง 12,000MB/s

.

ยังไม่เพียงแค่นี้ RAMDisk ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของ RAIDR Express ได้ด้วยการลดอัตราการเขียนข้อมูลที่ไม่จำเป็นบน SSD และ RAMDisk ยังสำรองการทำงานของตัวเองในไดรฟ์ระบบหลักเมื่อปิดการทำงานพีซี และกู้คืนการทำงานอัตโนมัติเมื่อเปิดเครื่องใหม่ เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดและดีเลย์ที่น้อยที่สุด นอกจากนี้ RAIDR Express ยังมีทูล SSD TweakIT จาก ROG ที่ยกระดับความเร็วขึ้นไปได้อีกโดยย้ายเอากิจกรรมการเขียนข้อมูลซ้ำๆ ไปให้ RAMDisk จัดการเพื่อให้กระทำได้เร็วขึ้น ขณะที่ยังทำให้ RAIDR Express คงประสิทธิภาพขีดสุดได้นานขึ้น และ SSD TweakIt ยังนำมาใช้กับโปรไฟล์ที่สร้างไว้ก่อนแล้วเพื่อปรับแต่งการตั้งค่าหน่วยประมวลผลอัตโนมัติ เพื่อเร่งความเร็วเพิ่มได้อีกถึง 5%

.

RAIDR Express ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลแบบ Super-Charge สำหรับฮาร์ดดิสก์ หรือ ROG Hybrid Disk ซึ่งเปิดให้ RAIDR Express ทำหน้าที่เป็นแคชในรูปแบบ Solid-State สำหรับฮาร์ดดิสก์ความจุสูงได้มากถึง 4TB และด้วยสถาปัตยกรรมแบบ PCIe ทำให้อัตราโอนถ่ายข้อมูลพุ่งทะลุขีดจำกัดของ SATA ที่ 600MB/s สำหรับสตอเรจในพีซีแบบเดิม อีกทั้งยังมีทูล Benchmark อย่าง ROG CrystalDiskMark ที่ให้ผู้ใช้มองเห็นความเร็วที่ RAIDR Express สามารถทำได้ เพื่อเร่งความเร็วขึ้นให้ได้ตามต้องการ

.

เร็ว ทำงานเข้ากันได้หลากหลาย และสร้างขึ้นเพื่อความคงทนถึงที่สุด

RAIDR Express สามารถโหลดข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และให้ความเข้ากันได้กับระบบที่กว้างมากที่สุด แถมยังให้ความคงทนยาวนานอีกด้วย RAIDR Express ได้รับการประเมินอายุการใช้งานเฉลี่ยก่อนพบข้อผิดพลาด (MTBF) ได้อย่างอัศจรรย์ถึง 620,000 ชั่วโมง ผู้ใช้จึงอุ่นใจได้กับการใช้งานที่ผ่านไปได้หลายปีโดยปราศจากปัญหา พร้อมทั้งผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อประกันความเข้ากันได้กับระบบที่หลากหลาย

.

RAIDR Express ยังมีดีไซน์ที่ทนทานสูง เต็มไปด้วยนวัตกรรมเฉพาะของ ROG ที่ออกแบบเพื่อยืดอายุการใช้งาน ด้วยเคสโลหะป้องกันทั้งสองด้านจะให้การระบายความร้อนที่เยี่ยมยอดพร้อมกับลดการรบกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) ยกระดับการทำเย็นและเสถียรภาพโดยรวม

.

สเปค¹

ASUS ROG RAIDR Express

·       รองรับ PCI Express 2.0

·       ความจุ 240GB

·       ใช้คอนโทรลเลอร์แบบดูอัล LSI® SandForce SF-2281

·       แฟลช Toshiba 19nm 16K page size MLC Sync-NAND

·       ให้ IOPS (Input/Output operations Per Second) ของการอ่าน/เขียนข้อมูล 4K ที่ 100,000

·       รองรับไบออสทั้งแบบเก่าและแบบ UEFI

·       ไม่ต้องใช้ไดรเวอร์ และรองรับ TRIM

·       ทำงานเข้ากันได้กับ Windows® 7 / Windows® 8

·       รองรับ Windows® 8 Secure Boot

·       ขนาด 157 x 120 x 20 มม.

1          สเปคและสต็อคผลิตภัณฑ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ประสิทธิภาพที่ได้จริงอาจแตกต่างขึ้นกับแอพพลิเคชั่น การใช้งาน สภาพแวดล้อม และปัจจัยอื่นๆ ผลการทดสอบที่อ้างถึงมาจาก ATTO Disk Benchmark และ Iometer

.

เกี่ยวกับ ASUS

ASUS เป็นผู้จำหน่ายโน้ตบุ๊กระดับคอนซูเมอร์อันดับท็อป 3 จากทั่วโลก และผู้ผลิตเมนบอร์ดที่ขายดีที่สุด และได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก ในฐานะองค์กรชั้นนำในโลกดิจิตอลยุคใหม่ ASUS ได้ออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการทางดิจิตอลของผู้ใช้ในบ้านและสำนักงานในปัจจุบันอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่เมนบอร์ด การ์ดจอ ไดรฟ์อ๊อพติคัล จอมอนิเตอร์ เดสก์ท็อปและพีซีแบบ All-in-One โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์มัลติมีเดีย โซลูชั่นไร้สาย อุปกรณ์เครือข่าย แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ด้วยความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นให้ได้คุณภาพ ทำให้ ASUS ชนะกว่า 4,256 รางวัลในปี 2556 และได้รับการยอมรับในวงกว้างสำหรับการปฏิวัติวงการพีซีด้วยผลิตภัณฑ์ Eee PC™ ปัจจุบัน ASUS มีพนักงานมากกว่า 12,500 คนทั่วโลก พร้อมกับทีมวิจัยและพัฒนาระดับโลกที่มาจากวิศวกรกว่า 3,800 คน รายรับของบริษัทในปี 2555 ประมาณกว่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ